รวม 8 กองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจ ปี 2024 พร้อมแนะนำวิธีเลือก
หากคุณมีความสนใจที่จะลงทุนในตลาดการเงินแต่ยังขาดความรู้ในการซื้อขายด้วยตัวเอง คุณควรพิจารณาวิธีการลงทุนด้วยกองทุนรวม
ในการลงทุนนี้กองทุนที่คุณเลือกจะเป็นตัวกำหนดว่าจะซื้อและขายสินทรัพย์ใด ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยก็สามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการลงทุนนี้ กองทุนจะมีหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันออกไปตั้งแต่ ETF และ mutual funds รวมไป Investment Trust และ index funds
ในคู่มือนี้เราจะพูดถึง กองทุนรวมต่างประเทศ กองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในประเทศไทย สำหรับปี 2024 โดยจะครอบคลุมถึงประเภทกองทุนที่หลากหลาย แนะนำกองทุนปันผล เหมาะสำหรับคนที่มองหาว่าซื้อกองทุนไหนดี ตัวไหนดี สำหรับการลงทุนระยะยาวในหุ้นเติบโตทั่วโลก กองทุนรวมต่างประเทศมีกี่ประเภท และยังมีการแนะนำคุณตลอดขั้นตอนการลงทุนที่แสนจะสะดวกสบายซึ่งทำได้จากที่บ้านของคุณเอง
8 อันดับกองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจ ที่ดีที่สุดในประเทศไทย
ด้านล่างนี้คุณจะได้พบกับรายชื่อของกองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจ ที่ดีที่สุดในไทยที่เราได้คัดสรรไว้สำหรับคุณโดยเฉพาะ คุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละกองทุนได้ด้วยการเลื่อนลงไปด้านล่าง
- iShares Russell 1000 ETF – ลงทุนในหุ้นของสหรัฐที่มีมูลค่าต่ำมากถึง 800+ ตัว
- SPDR Gold ETF – ลงทุนในทองคำฟรี โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดเก็บ
- MI Chelverton UK Equity Growth Fund – กองทุนที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กของอังกฤษ
- S&P 500 Index – ซึ่งเป็นกองทุนประเภท de facto สำหรับการการสร้างความมั่นคั่งในระยะยาว
- iShares MSCI Hong Kong ETF – ลงทุนในตลาดการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทที่หลากหลายในฮ่องกง
- iShares FTSE China 25 Index ETF – ลงทุนในตลาดหุ้นที่ดีที่สุดของจีน
- BMO Responsible UK Income 2 Inc – Ethical Fund ที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในบริษัทที่ประกอบการในอังกฤษ
- Vanguard Pension Investment Fund – ให้คุณสามารถเลือกเป้าหมายสำหรับวันเกษียณอายุของคุณ
70.8% ของบัญชีนักเทรดรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อทำการเทรด CFDs กับทางแพลตฟอร์มนี้
กองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจ ที่ดีที่สุด โดยภาพรวมในประเทศไทย
เป็นเรื่องที่ดีที่นักลงทุนในประเทศไทยที่มีกองทุนชั้นนําหลายพันกองทุนให้ได้เลือกลงทุน ซึ่งสิ่งนี้ทําให้มั่นใจได้ว่าจะมีกองทุนที่เหมาะกับนักลงทุนทุกประเภท แต่อย่างไรถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากเมื่อพูดถึงการที่ต้องคัดแยกกองทุนที่ต้องการออกจากกองทุนจำนวนมากมายที่มีอยู่ในตลาดขณะนี้
บทความด้านล่างนี้คุณจะพบกับรายนามกองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจ ที่ดีที่สุด โดยภาพรวมสำหรับประเทศไทยที่เราได้คัดสรรมาไว้แล้ว เพื่อไขคำตอบนั้นแก่คุณ!
iShares Russell 1000 ETF – ลงทุนในหุ้นของสหรัฐที่มีมูลค่าต่ำมากถึง 800+ ตัว
iShares Russell 1000 ETF เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมหากคุณต้องการเพิ่มประสบการณ์ในตลาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วกองทุนเพื่อการลงทุนนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงหุ้น 843 ตัวได้โดยทันที ซึ่งหมายความว่าคุณจะมีพอร์ตการลงทุนจำนวนมากมายในการลงทุนเพียงครั้งเดียว
ผู้จัดการอย่าง iShares จะพยายามเลือกบริษัทในสหรัฐฯที่เชื่อว่ามีมูลค่าต่ำกว่าปกติ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งหุ้นขนาดใหญ่และหุ้นขนาดกลางจากทุกภาคส่วน ในแง่ของผู้เล่นรายใหญ่ ปัจจุบันกองทุนถือหุ้น 2.76% ใน Berkshire Hathaway และ 2.27% ใน Johnson and Johnson และที่เหลือในหุ้นคุณชอบเช่น Walt Disney, Intel, Verizon และ JPMorgan Chase & Co.
แม้ว่ากองทุนบางส่วนจะมีที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาและมุ่งเน้นไปที่บริษัทอเมริกาทั้งหมด การลงทุนจากไทยจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในความเป็นจริง
SPDR Gold ETF – ลงทุนในทองคำฟรี โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดเก็บ
การลงทุนของกองทุนนี้เป็นไปตามชื่อ เนื่องจากจะลงทุนโดยมุ่งเน้นไปที่ทองคำเท่านั้น โดยถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหากพิจารณาถึงสภาพเศรษฐกิจที่อาจจะยากลำบากในอนาคต ที่ท้ายที่สุดแล้วนักลงทุนมักจะแห่กันไปลงทุนที่สินทรัพย์เช่น ทองคำ เมื่อความไม่แน่นอนของตลาดนั้นมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ชัดในปี 2021 ช่วงโควิด ที่การลงทุนในทองคำนั้นทำผลงานได้ดีมากๆ
ในความเป็นจริงแล้ว SPDR Gold ETF นั้นเพิ่มขึ้น 25.99% จาก 12 เดือนก่อนหน้าที่จะบทความนี้ นี่จึงเป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุดที่จะได้รับผลกำไรคืน ด้วยยอดเงินขั้นต่ำที่คุณต้องใช้ในการลงทุนนั้นแค่ $10 ที่ Libertex ซึ่งในการทำเช่นนี้คุณจะสามารถลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าในอนาคตของทองคำโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดเก็บหรือการจัดส่ง
ผู้ให้บริการ ETF – SPDR ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากสินทรัพย์ ดังนั้นคุณจึงสามารถลงทุนได้อย่างง่ายดาย การลงทุนด้วย ETF จะทำให้คุณได้รับค่าธรรมเนียมที่คุ้มค่ามาก และเป็นอีกครั้งที่คุณจะไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นหรือค่าใช้จ่ายต่อเนื่องอื่น
กองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจ ที่ดีที่สุดในไทย
ตัวเลือกสองอันดับแรกที่เราได้ระบุไว้ข้างต้นนั้นมาในรูปแบบของ ETF ซึ่งหมายความว่า ผู้ให้บริการจะให้บริการโดยการติดตามตลาดเฉพาะเช่น Russell 1000 หรือ ทองคำ แต่ในทางกลับกันที่ Mutual funds จะมีความแตกต่างเล็กน้อย เนื่องจากผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะซื้อและขายสินทรัพย์ใด และทำธุรกรรมเหล่านั้นเมื่อใด
หรืออาจจะกล่าวได้ว่า แม้กองทุนจะเน้นไปที่หุ้น FTSE 100 แต่ก็อาจตัดสินใจถอนการลงทุนจำนวนหนึ่งออกหากเชื่อว่าบริษัทนั้นไม่ได้เพิ่มมูลค่าให้กับนักลงทุน ซึ่งนี่คือสิ่งที่ ETF ไม่สามารถทำได้ และด้านล่างนี้คุณจะพบกับ Mutual investment funds ยอดนิยมในไทยที่เราอยากจะนำเสนอ
MI Chelverton UK Equity Growth Fund – กองทุนที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กของอังกฤษ
ในขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่หุ้นรายใหญ่ที่มีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน แต่ในบางคนนั้นก็มีเลือกที่จะมองหาบริษัทที่กำลังมาแรง โดยทั่วไปแล้วบริษัทดังกล่าวจะอยู่ใน Alternative Investment Market (AIM) ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์รองของสหราชอาณาจักร
ตลาดที่มีความเฉพาะแห่งนี้มีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่ามากเมื่อเทียบกับหุ้นบลูชิพ เนื่องจากบริษัทที่จดทะเบียนใน AIM หลายแห่งยังไม่ได้มีการพิสูจน์รูปแบบธุรกิจของตนอย่างแท้จริงหรืออาจมีการจัดตั้งบริษัทขึ้น แต่มีการประเมินมูลค่าตลาดเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดหากคุณต้องการจัดสรรเงินทุนบางส่วนให้กับบริษัทขนาดเล็กในสหราชอาณาจักรเหล่านี้ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือกองทุนรวมอย่าง MI Chelverton UK Equity Growth Fund
ท้ายที่สุดกองทุนรวมนี้จะป็นตัวกำหนดความต้องการในหุ้นของสหราชอาณาจักรด้วยตัวเองว่าหุ้นใดที่ควรค่าแก่การมีเก็บไว้และหุ้นใดที่ไม่ควรสำรองไว้ ผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์จะกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการเข้าซื้อหรือขาย โดยกองทุน MI Chelverton UK Equity Growth Fund เปิดตัวครั้งแรกในปี 2557 และมีทรัพย์สินมากกว่า 722 ล้านปอนด์ ณ เดือนสิงหาคม 2563
นำโดย James Baker และ Edward Booth ที่มีพอร์ตโฟลิโอหุ้นทั้งหมด 127 ตัว ที่มาจากหลากหลายภาคส่วน โดยให้ความสำคัญกับหุ้นในส่วนของเทคโนโลยี, การดูแลสุขภาพ, การสนับสนุนการบริการและสินค้าอุปโภคบริโภค หุ้นที่มีการถือครองอันดับต้น ๆ ได้แก่ Future, Clingen, SDL, Premier Foods, Gamesys และ dotDigital
กองทุนรวมชั้นนำอื่น ๆ ของสหราชอาณาจักรที่ควรพิจารณา ได้แก่ :
- Blackrock UK Fund: กองทุนรวมที่มุ่งเน้นไปที่หุ้นขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักร ซึ่งอาจเหมาะสมกว่าหากคุณต้องการรับความเสี่ยงน้อยลง เนื่องจากกองทุนประกอบด้วย บริษัทที่ได้รับการจัดตั้งและมีการประเมินมูลค่าตลาดที่สูง
- ASI Global Smaller Companies: เป็นอีกหนึ่งกองทุนรวมของหุ้นสหราชอาณาจักรที่มีผลงานที่น่าสนใจ กองทุนนี้มีผลการดำเนินงานที่ดีตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ดังนั้นจึงคุ้มค่าในการที่จะลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงระหว่างกองทุนนี้กับกองทุน MI Chelverton UK Equity Growth เพื่อทำให้ระดับความเสี่ยงในการลงทุนของคุณเข้าสู่จุดสมดุล
กองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจ ที่ดีที่สุด สำหรับนักลงทุนมือใหม่
กองทุนรวมในไทยทั้งหมดนั้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเนื่องจากคุณไม่จำเป็นต้องดำเนินการใด ๆ เพราะกระบวนการในการซื้อและขายสินทรัพย์จะถูกปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้บริหารกองทุน
ด้วยเหตุนี้กองทุนบางประเภทจึงเหมาะสำหรับมือใหม่มากกว่าเนื่องจากพวกเขามีสินทรัพย์ที่เข้าใจง่าย โดยทั่วไปจะมุ่งเน้นไปที่หุ้นรายใหญ่และหุ้นที่มีประวัติยาวนานและอยู่เบื้องหลังแบรนด์ต่าง ๆ ที่คุณน่าจะรู้จักดี
S&P 500 Index – กองทุนประเภท de facto สำหรับการการสร้างความมั่นคั่งในระยะยาว
แม้ว่าคุณจะไม่เคยทำการซื้อขายมาก่อนเลยซักครั้งเดียว แต่คุณเองคงมีโอกาสที่จะเคยได้ยินเกี่ยวกับ S&P 500 มาบ้างแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ไม่ทราบเลย เราจะอธิบายสั้น ๆ คือ S&P 500 เป็นดัชนีตลาดหุ้นที่เน้นหุ้นในสหรัฐอเมริกา โดยมีการติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯมากกว่า 500 แห่ง จากทั้ง NYSE และ NASDAQ ซึ่งรวมถึง IBM, Google, Twitter, Disney, Berkshire Haway, Verizon, Apple, Amazon และอื่น ๆ อีกมากมาย
นับตั้งแต่เปิดตัวในปีพ.ศ. 2469 ดัชนี S&P 500 ได้มีการคืนค่าเฉลี่ยมากกว่า 10% ต่อปี โดยมีการถ่วงน้ำหนักในช่วงเวลาหนึ่ง ดังนั้นในแง่ของการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นคุณอาจต้องการดูวิธีการลงทุนใน S&P 500 ในไทย ซึ่งประเด็นสำคัญคือดัชนีจะได้รับการปรับปรุงอยู่เสมอเพื่อให้แน่ใจว่าดัชนีดังกล่าวจะสะท้อนถึงภาพรวมของตลาดหุ้นในสหรัฐฯได้ในวงกว้าง และในการดำเนินงานของ S&P 500 จะมุ่งเน้นไปที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเป็นสำคัญ
กล่าวคือหุ้นสหรัฐที่ใหญ่ที่สุดในแง่ของมูลค่าตลาดจะส่งผลทำให้ดัชนีมีเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในไทยเองการลงทุนจำนวนมากก็ควรที่จะต้องมีการที่ติดตาม S&P 500 ด้วยเช่นกัน ซึ่งในมุมมองของเราวิธีที่ง่ายที่สุดและคุ้มค่าที่สุดคือการใช้ ETF โดยมี Vanguard เป็นตัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
นอกจากนี้ใน ETF ส่วนใหญ่นั้นตัวเลือก Vanguard ยังช่วยให้คุณได้รับเงินปันผลจากการลงทุน โดยมีการจ่ายออกทุกสามเดือนในบัญชีโบรกเกอร์ของคุณ และจากการที่เงินปันผลเหล่านี้ไหลกลับเข้าสู่ดัชนี S&P 500 ก็จะทำให้คุณมีโอกาสที่จะเพิ่มเงินได้เร็วขึ้น
เพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถหากองทุนที่เหมาะสมที่ตรงกับความต้องการของคุณในการลงทุน S&P 500 คุณจะพบตัวเลือกอื่น ๆ ด้านล่าง:
- iShares Core S&P 500 ETF
- SPDY S&P 500 ETF
- Portfolio Plus S&P 500 ETF
กองทุนรวมที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุด
เราได้พูดถึงกองลงทุนรวมที่ดีที่สุดจำนวนหนึ่งที่มาในรูปแบบของ ETF ไปแล้ว รวมถึงดัชนี Vanguard S&P 500, SPDR Gold ETF และ iShares Russell 1000 ETF อย่างไรก็ตามยังมีกองทุน ETF อื่น ๆ อีกมากมายที่ควรพิจารณา
ซึ่งรวมถึง:
iShares MSCI Hong Kong ETF – ลงทุนในตลาดการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทที่หลากหลายในฮ่องกง
หากคุณเป็นนักลงทุนที่ต้องการที่จะเข้าถึงเศรษฐกิจในเอเชียที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คุณควรพิจารณา ETF ของ iShares MSCI HongKong เพราะกองทุนนี้จะมุ่งเน้นไปที่ตลาดฮ่องกงตามชื่อ ซึ่งประกอบด้วยหุ้นรายตัว 41 รายที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
แม้ว่าพอร์ตการลงทุนนี้จะมีน้ำหนักที่สมเหตุสมผล โดยสองบริษัทรวมกันแล้วมีสัดส่วนมากกว่า 36% ประกอบด้วย AIA Group (23.95%) และ HongKong Exchanges and Clearing (12.14%)
แต่หลังจากนั้นคุณก็อาจจะสนใจใน Sun Hung Kai Properties, Techtronic Industries และ CK Hutchinson ดังนั้น ETF นี้จึงเน้นย้ำให้เห็นอีกครั้งว่าการลงทุนในบริษัทระหว่างประเทศนั้นง่ายเพียงใดจากการลงทุนแบบสบาย และเริ่มต้นได้ง่ายมาก เปิดพอร์ตการลงทุนของคุณด้วยบริษัทในฮ่องกงถึง 41 แห่ง!
iShares FTSE China 25 Index ETF – ลงทุนในตลาดหุ้นที่ดีที่สุดของจีน
ETF ในต่างประเทศที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมนั้นคือดัชนี China 25 ที่ได้รับการสนับสนุนโดย iShares ผู้ให้บริการกองทุนขนาดใหญ่ โดยกองทุนนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ในจีนทั้ง 25 แห่ง
ซึ่งรวมถึงหุ้นต่าง ๆ ที่เป็นที่สนใจ เช่น Tencent Holdings, Meituan Dianping, China Construction Bank, Alibaba และ China Mobile โดยในฐานะที่จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วและทรงพลังที่สุดในโลก ทำให้กองทุนรวมแห่งนี้ควรค่าแก่การจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
Ethical Investment Funds ที่ดีที่สุดในไทย
โดยการลงทุนในกองทุนการลงทุนประเภทนี้จะมีการกำหนดจรรยาบรรณบางประการในการเข้าร่วม อาจเนื่องมาจากความต้องการในการหลีกเลี่ยงอุตสาหกรรมและธุรกิจในบางประเภทเช่นการพนัน, แอลกอฮอล์, ยาสูบหรือเพื่อการป้องกันประเทศ
ในบางกรณี Ethical Investment Funds จะมุ่งเน้นเฉพาะบริษัทที่มีส่วนร่วมในการสร้างประโยชน์ต่อสังคม ตัวอย่างเช่น บริษัทที่ต้องการพัฒนาพลังงานสะอาด
ด้านล่างนี้คุณจะพบ Ethical Investment Funds ที่มีในไทย ซึ่งติดอันดับสูงสุดในการจัดอันดับกองทุนของเรา
BMO Responsible UK Income 2 Inc – Ethical Fund ที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในบริษัทที่ประกอบการในอังกฤษ
สำหรับ Ethical investment fund นี้เป็นตัวเลือกที่มุ่งเน้นไปที่หุ้นของอังกฤษ ประเด็นสำคัญของกองทุนนี้คือหุ้นแต่ละตัวไม่เพียงแต่ต้องเป็นไปตามข้อพิจารณาด้านจริยธรรมหลายประการเท่านั้น แต่ยังต้องมีส่วนแบ่งตลาดตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดกลางด้วย โดยหากพิจารณาในแง่ของผลการดำเนินงานกองทุนนี้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าดัชนี FTSE All-Share ถึง 4 ปีจากใน 5 ปีที่ผ่านมา
ในการดำเนินการโดยตรงกับผู้ให้บริการกองทุนรายนี้คุณจะต้องลงทุนอย่างน้อย 500,000 ปอนด์ ดังนั้นคุณควรทำธุรกรรมผ่านโบรกเกอร์จะดีที่สุด ตัวอย่างเช่น Hargreaves Lansdown ที่ต้องการเงินเพียง 100 ปอนด์หรือหักบัญชีเงินฝากขั้นต่ำหรือ 25 ปอนด์ต่อเดือน และในแง่ของค่าธรรมเนียมกองทุนนี้จะมีค่าใช้จ่าย 0.91% ต่อปี
Jupiter Responsible Income – ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของสหราชอาณาจักรที่มีการจัดการในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างเข้มแข็ง
กองทุนรวมเพื่อการลงทุนนี้มุ่งเน้นไปที่บริษัทที่มีการจัดการปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างกระตือรือร้น โดยพอร์ตโฟลิโอมีหุ้นทั้งหมด 45 ตัว มี GlaxoSmithKline, RELX, Vodaphone, Teso และ Aviva เป็นผู้นำ
และการใช้บริการผ่านโบรกเกอร์อย่างเช่น Hargreaves Lansdown คุณจะต้องมีเงินฝากขั้นต่ำ 100 ปอนด์หรือฝากประจำ 25 ปอนด์ต่อเดือน และมีค่าธรรมเนียมต่อเนื่องอยู่ที่ 0.93% โดยไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมล่วงหน้า
กองทุนรวมเพื่อการลงทุนในไทยคืออะไร?
กองทุนรวมเพื่อการลงทุนช่วยให้คุณสามารถอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินได้เรื่อย ๆ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์หรือความรู้เกี่ยวกับวิธีการทำงานของตลาด เนื่องจากผู้จัดการกองทุนจะเป็นดูแลการตัดสินใจที่เกี่ยวกับการลงทุนทั้งหมด กล่าวคือกองทุนรวมที่คุณเลือกจะซื้อและขายหุ้น, พันธบัตรและสินทรัพย์อื่น ๆ แทนคุณ
การลงทุนในรูปแบบเฉพาะนี้ครอบคลุมสินทรัพย์ในหลากหลายประเภท ตัวอย่างเช่น กองทุนรวมที่สามารถอ้างถึง ETF เช่น REITs, กองทุนรวมทั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมทรัสต์ กองทุนรวมตลาดเงินหรือกองทุนดัชนี แต่ประเด็นสำคัญก็คือกองทุนแต่ละประเภทดังที่กล่าวมาข้างต้นล้วนแต่ช่วยให้คุณสามารถซื้อสินทรัพย์ได้หลากหลายผ่านการซื้อขายเพียงครั้งเดียว
ตัวอย่างเช่น หากคุณลงทุนในกองทุนรายได้ที่เน้นบริษัทขนาดเล็กในสหราชอาณาจักร ด้วยการลงทุนเพียงไม่กี่ร้อยปอนด์พอร์ตโฟลิโอของคุณ ซึ่งอาจประกอบด้วยบริษัทขนาดเล็กกว่า 200 แห่งที่อยู่ใน AIM ในทำนองเดียวกันโดยการลงทุนในกองทุนที่ติดตาม FTSE 100 คุณจะสามารถซื้อหุ้นทั้งหมดถึง 100 หุ้นของบริษัทที่ดำเนินกิจการในสหราชอาณาจักรได้ในครั้งเดียว
ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน เงินลงทุนจะถูกดำเนินการและจัดการโดยสถาบันการเงินขนาดใหญ่ โดยมีผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในพื้นที่ ได้แก่ iShares, SDPR และ Vanguard ซึ่งเงินของคุณจะถูกรวมเข้ากับนักลงทุนรายอื่น ๆ หลายพันคน ซึ่งหมายความว่ากองทุนมักจะมีเงินหลายพันล้านปอนด์ภายใต้การบริหารกองทุนนั้น ๆ
กองทุนรวมมีการทำงานอย่างไร?
ไม่ว่าคุณจะเลือก ETF, mutual fund หรือ trust fund กระบวนการลงทุนส่วนใหญ่จะเหมือนกัน เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้น ลองดูตัวอย่างสั้น ๆ ว่ากองทุนรวมที่ดีที่สุดทำงานอย่างไร
- คุณลงทุน 10,000 ปอนด์ในกองทุนรวมเพื่อการลงทุน
- ผู้จัดการกองทุนจะมุ่งเน้นไปที่หุ้นขนาดใหญ่ของสหราชอาณาจักร
- โดยรวมแล้วกองทุนรวมกันลงทุนซื้อหุ้นใน 150 บริษัท ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน
- ตามทฤษฎีแล้วคุณจะเป็นเจ้าของหุ้นแต่ละตัวที่ซื้อโดยกองทุนในสัดส่วนเล็กน้อยตามจำนวนเงินที่คุณลงทุน
- ตัวอย่างเช่นหากกองทุนมีพอร์ตการลงทุนใน HSBC จำนวน 4% เงินลงทุน 10,000 ปอนด์ของคุณจะประกอบด้วยหุ้น HSBC มูลค่า 400 ปอนด์
เมื่อพูดถึงการทำเงินจากกองทุนรวมเพื่อการลงทุนในไทยส่วนใหญ่จะเป็นการจ่ายเงินปันผล ซึ่งได้จากส่วนแบ่งของเงินปันผลจากหุ้นหรือการจ่ายคูปองพันธบัตรที่กองทุนได้รับในนามของนักลงทุน โดยทั่วไปส่วนแบ่งของคุณจะถูกจ่ายออกทุกๆ 3 เดือน และในบางกองทุนอาจมีการจ่ายเงินทุก ๆ 6 หรือ 12 เดือน
นอกจากเงินปันผลปกติแล้วคุณยังสามารถรับผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มได้หากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนรวมมีการปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นหากทรัพย์สินที่กองทุนถืออยู่มีปริมาณที่เพิ่มขึ้นในตลาดเปิด ตัวอย่างเช่น หากคุณลงทุนในกองทุน FTSE 100 และมูลค่าของดัชนีเพิ่มขึ้น 10% คุณสามารถคาดหวังได้ว่ากำไรจากการลงทุนในกองทุนของคุณจะเพิ่มขึ้นตามในอัตราที่ใกล้เคียงกัน
ประเภทของกองทุนรวมเพื่อการลงทุน
ดังที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น กองทุนรวมเพื่อการลงทุนมีหลากหลายประเภท ส่วนใหญ่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน คุณจะได้รับการลงทุนในตะกร้าของสินทรัพย์ในแบบพาสซีฟ กองทุนจะทำการซื้อสินทรัพย์ในนามของผู้ลงทุนและกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการขาย
จากที่กล่าวมามีความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างกองทุนแต่ละประเภทซึ่งเราจะระบุไว้ด้านล่าง:
- กองทุนรวม: กองทุนรวมเพื่อการลงทุนประเภทนี้จะมีการกำหนดว่าจะซื้อสินทรัพย์ใดและเมื่อใด ผู้จัดการกองทุนมีความยืดหยุ่นในการเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุน เนื่องจากไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับตลาดเฉพาะ และด้วยกองทุนประเภทนี้ได้รับการจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงทำให้ค่าธรรมเนียมสูงกว่า ETF เล็กน้อย
- ETFs: กองทุนเพื่อการลงทุนนี้จะมีการติดตามตลาดเฉพาะ ตัวอย่างเช่น หากวัตถุประสงค์ของ ETF นั้นคือการติดตาม NASDAQ 100 ก็จะมีการจำลองการแลกเปลี่ยน NASDAQ ในลักษณะที่เหมือนกัน ซึ่ง ETF มักเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดเนื่องจากมีการจัดการอย่างที่เฉพาะเจาะจงมาก
- ทรัสต์เพื่อการลงทุน: ทรัสต์คล้ายกับกองทุนรวม เนื่องจากเงินทุนของคุณจะได้รับการจัดการอย่างเข้มงวดโดยกองทุน พวกเขาจะมีหน้าที่ตัดสินใจในการลงทุนทั้งหมด ความน่าเชื่อถือไม่ได้เชื่อมโยงกับตลาดเฉพาะซึ่งมาพร้อมกับความยืดหยุ่นที่มีมากขึ้น
- กองทุนดัชนี: ตามชื่อที่แนะนำกองทุนดัชนีจะติดตามดัชนีตลาดหุ้นเฉพาะเช่น FTSE 100 หรือ Dow Jones กองทุนจะซื้อหุ้นในทุกบริษัทที่ประกอบขึ้นเป็นดัชนีโดยใช้ระบบการให้น้ำหนักที่เท่ากัน
รายชื่อกองทุนรวมเพื่อการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนในไทย ซึ่งสามารถสำรวจได้ด้านล่างนี้:
- Index Funds
- Mutual Funds
- Tracker Funds
- Vanguard Funds
- Money Market Funds
- Income Funds
- Ethical Investment Funds
- Investment Trusts
- Property Funds
- REITs
- Gold Funds
- Technology Funds
- Absolute Return Funds
Investment Trusts เมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนทั่วไป
กองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนแบบหนึ่งที่มีการพัฒนาขึ้น ซึ่งเป็นที่นิยมในไทยเนื่องจากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาทรัสต์มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่ากองทุนรวม
ความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งระหว่างทรัสต์และกองทุนทั่วไป คือ การมีความสามารถในการกู้ยืมเงิน ที่เรียกว่า “gearing” ซึ่งทำให้ได้รับความไว้วางใจมากขึ้นในรูปแบบของกำลังซื้อ และในทางกลับกันพวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนเงินทุนหมุนเวียนได้มากกว่าที่มีอยู่ในมือ
ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวมชั้นนำ
มีข้อดีมากมายในการเลือกกองทุนรวมเพื่อการลงทุนมากกว่าการลงทุนในหุ้นหรือพันธบัตรแบบเดิม ๆ
ซึ่งรวมถึง:
- ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์: ในขั้นตอนการเลือกหุ้นหรือพันธบัตรอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย ซึ่งท้ายที่สุดคุณต้องมีความเข้าใจในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐานเป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถอ่านและตีความรายงานของบริษัทได้ นี่คือเหตุผลที่มือใหม่จำนวนมากในไทยเลือกใช้กองทุนรวมเพื่อการลงทุน เนื่องจากคุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการทำงานของตลาดการเงินมาก่อนก็ได้
- Passive Income Steam: เมื่อคุณอัดฉีดเงินเข้ากองทุนรวมเพื่อการลงทุน คุณสามารถอยู่เฉย ๆ และรอให้ผู้ให้บริการซื้อและขายสินทรัพย์ในนามของคุณแทนตัวคุณเองได้ ซึ่งนี่เป็นวิธีที่ดีสำหรับการสร้างรายรับในแบบพาสซีฟ เนื่องจากคุณจะได้รับเงินปันผลทุกๆสามเดือนจากการลงทุน
- ใช้เงินทุนที่ต่ำ:คุณสามารถลงทุนในกองทุนรวมโดยที่ไม่ต้องมีเงินทุนจำนวนมาก ส่วนใหญ่คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินเพียงไม่กี่ร้อยปอนด์ โดยบางแพลตฟอร์มการลงทุนได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการอนุญาตให้คุณลงทุนใน ETF ได้ตั้งแต่ $ 50 (ประมาณ 40 ปอนด์) ในขณะที่ Hargreaves Lansdown เริ่มต้นอยู่ที่ 100 ปอนด์ แม้ว่ากองทุนที่คุณเลือกจะต้องใช้เงินทุนจำนวนมากแต่คุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการใช้บริการการลงทุนผ่านโบกเกอร์
- ค่าธรรมต่ำ: กองทุนรวมเพื่อการลงทุนที่ดีที่สุดส่วนใหญ่ในปี 2024 จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่อเนื่องน้อยกว่า 1% ต่อปี ในการลงทุนบางอย่างก็ใกล้เคียงกับ 0% มาก โดยเฉพาะ ETF และกองทุนดัชนี ที่แม้จะอยู่ในระดับที่สูงกว่าแต่ก็มีมูลค่าที่ดีเนื่องจากคุณจะสามารถลงทุนแบบพาสซีฟได้
- การกระจายการลงทุน: การกระจายการลงทุนช่วยให้คุณลดความเสี่ยงโดยรวมของการลงทุนในสินทรัพย์จำนวนมากสำหรับอุตสาหกรรมและตลาดต่างๆ ซึ่งโดยปกติแล้วการบรรลุเป้าหมายการลงทุนนี้อาจมีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลานาน
- ยากต่อการเข้าถึงตลาด: สำหรับตลาดการเงินบางแห่งอาจยังเข้าถึงได้ยากสำหรับนักลงทุนในไทย ตัวอย่างเช่น หุ้นและหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดเกิดใหม่ ในทางกลับกันกองทุนรวมเพื่อการลงทุนมักมีเงินจำนวนหลายพันล้านปอนด์ภายใต้การบริหาร ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่มีตลาดใดที่ไม่สามารถเข้าถึงได้สำหรับพวกเขา ด้วยเหตุนี้กองทุนรวมเพื่อการลงทุนจึงสามารถนำเสนอข้อมูลลับในสินทรัพย์หรือภาคส่วนที่คุณพยายามเข้าถึงได้
วิธีการเลือก กองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจ ที่ดีที่สุด ฉบับปี 2024
ด้วยกองทุนรวมชั้นนำที่มีมากมายหลากหลายให้เลือก การที่จะสามารถเลือกได้ว่าจะเริ่มต้นที่ไหนจึงถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณาคือกองทุนนั้นตรงตามวัตถุประสงค์ของการลงทุนในระยะยาวของคุณหรือไม่ ตัวอย่างเช่น คุณกำลังมองหาการลงทุนที่ช่วยเพิ่มพูนเงินของคุณในช่วงหลายสิบปี เพื่อเก็บไว้เป็นเงินกองกลางเพื่อการเกษียณอายุหรือคุณกำลังมองหาการเข้าถึงตลาดเฉพาะเช่น พันธบัตรต่างประเทศหรือหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาหรือไม่?
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ด้านล่างนี้คุณจะได้พบกับปัจจัยที่คุณควรพิจารณาเพื่อหากองทุนรวมที่ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด
- ประเภทของกองทุน: ก่อนอื่นคุณต้องสำรวจว่าผู้ให้บริการนั้นนำเสนอกองทุนประเภทใด ซึ่งอาจประกอบด้วย ETF กองทุนรวมทรัสต์หรือกองทุนดัชนี
- วัตถุประสงค์: กองทุนที่ต้องการให้ความสำคัญกับสินทรัพย์หรือตลาดกลาง? ซึ่งอาจเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่ หุ้นขนาดใหญ่ของสหรัฐฯไปจนถึงพันธบัตรที่ออกในตลาดเกิดใหม่
- ผลตอบแทนก่อนหน้า: ดูว่าผลตอบแทนที่กองทุนสามารถสร้างขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นเพียงพอหรือไม่ ลองเปรียบเทียบกับคู่ค้าในอุตสาหกรรมเดียวกันและยังต้องรวมไปถึงการเปรียบเทียบในตลาดที่กว้างขึ้นอีกด้วย
- ค่าธรรมเนียมต่อเนื่อง: กองทุนส่วนใหญ่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่อเนื่องซึ่งจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ ในขณะที่กองทุนส่วนใหญ่เรียกเก็บที่ 1% ต่อปี แต่บางกองทุนอาจมีราคาแพงกว่ามาก นอกจากนี้โปรดระวังในด้านประสิทธิภาพและค่าธรรมเนียมล่วงหน้า
- การลงทุนขั้นต่ำ: ควรตรวจสอบดูว่าผู้ให้บริการกองทุนนั้นต้องการเงินก้อนขั้นต่ำเท่าใด หากจำนวนเงินมากเกินไปคุณอาจเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ได้เพื่อลดจำนวนเงินที่ใช้ลงทุน
- ความเสี่ยง: ผู้ให้บริการกองทุนการลงทุนชั้นนำเช่น Vanguard จะมีการให้คะแนนความเสี่ยงในแต่ละผลิตภัณฑ์ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้คุณสามารถวัดได้ว่าคุณมีแนวโน้มที่จะได้รับความเสี่ยงจากการลงมุนมากน้อยเพียงใดและคุณสามารถรับความเสี่ยงนั้นได้หรือไม่
- ความถี่ในการจ่ายเงินปันผล: ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทราบความถี่ที่กองทุนจะจ่ายส่วนแบ่งเงินปันผลของคุณ ซึ่งโดยปกติแล้วจะจ่ายออกทุกสามเดือน แต่ในบางรายอาจเป็นรายปีหรือทุกปีก็ได้
ดังที่คุณเห็นในข้างต้นมีปัจจัยมากมายที่ต้องพิจารณาก่อนการเลือกกองทุนรวม ด้วยเหตุนี้จึงควรที่จะสำรวจกองทุนรวมชั้นนำในไทยที่เราได้นำเสนอมาแล้ว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงในการลงทุนของคุณ
โบรกเกอร์สำหรับการลงทุนในกองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจ ที่ดีที่สุด
หากคุณต้องการลงทุนในกองทุนรวม คุณควรหาโบรกเกอร์ออนไลน์ที่เชื่อถือได้ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของ FCA และถึงแม้ว่าผู้ให้บริการกองทุนบางรายจะอนุญาตให้คุณสามารถลงทุนได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์ของพวกเขา แต่คุณก็มักจะพบว่าค่าธรรมเนียมและเงินลงทุนขั้นต่ำของบัญชีนั้นมีจำนวนที่สูง ดังนั้นเราขอแนะนำให้ใช้แพลตฟอร์มของโบรกเกอร์แทน
นี่คือโบรกเกอร์สำหรับกองทุนชั้นนำของเรา ที่ให้บริการสำหรับผู้อยู่อาศัยไทย
1. Libertex – ลงทุนในกองทุนด้วยวิธีที่ง่ายและมีการควบคุมที่ดี ไม่มีสเปรด
Libertex เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ CFD ชั้นนำของโลกที่มีประวัติในการให้บริการที่ยาวนานมาถึง 23 ปีและมีลูกค้ามากกว่า 2.9 ล้านรายจากกว่า 120 ประเทศทั่วโลก เป็นโบรกเกอร์ได้รับอนุญาตและควบคุมโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ไซปรัสที่จะช่วยสร้างความอุ่นใจแก่ผู้ค้า
แพลตฟอร์มการซื้อขาย Libertex มีความโดดเด่นตรงที่ให้นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายในตราสาร CFD ทางการเงินมากกว่า 213+ รายการ เทรด CFD ด้วยสเปรด 0 และค่าคอมมิชชั่นต่ำ ซึ่งครอบคลุมถึงสกุลเงิน, หุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, ดัชนีหุ้นและสกุลเงินดิจิทัล
โบรกเกอร์ยังให้บริการเทรดเดอร์ด้วยแพลตฟอร์มที่หลากหลายรวมถึงแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก อย่างไรก็โบรกเกอร์ยังให้การเข้าถึงแพลตฟอร์มการซื้อขายที่เป็นกรรมสิทธิ์ที่สร้างขึ้นเอง ซึ่งมีคุณสมบัติต่าง ๆ สำหรับการซื้อขายที่เป็นประโยชน์เช่น ตัวบ่งชี้ความเชื่อมั่นและข่าวสดและการวิเคราะห์ต่าง ๆ
คุณสามารถเปิดบัญชีกับ Libertex ได้อย่างง่ายดายและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที โดยมีเงินฝากขั้นต่ำเพียง € 100 และสามารถทำการฝากได้ด้วยการโอนเงินผ่านธนาคาร, บัตรเครดิต / เดบิตและ e-wallets เช่น Neteller และ Skrill
ข้อดี:
- ควบคุมโดย CySEC
- เข้าถึงตลาดทั่วโลกมากกว่า 213+ แห่ง
- เทรดโดยใช้เลเวอเรจ
- แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ใช้งานง่าย
- เงินฝากขั้นต่ำจำนวนน้อย
- การวิเคราะห์สดและข่าวสารในแพลตฟอร์ม
- ไม่มีสเปรด
- มีเนื้อหาเพื่อการศึกษา
ข้อด้อย:
- ไม่มีการให้บริการสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา
70.8% ของบัญชีนักเทรดรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อทำการเทรด CFDs กับทางแพลตฟอร์มนี้
2. AvaTrade - ลงทุนในกองทุนจากตลาดโลก
AvaTrade เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับการควบคุมทั่วโลก โดยมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดจากธนาคารกลางแห่งไอร์แลนด์คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลียหน่วยงานบริการทางการเงินของญี่ปุ่นและอื่น ๆ อีกมากมาย
โบรกเกอร์ให้คุณสามารถเข้าถึงการซื้อขายในตลาดทั่วโลกมากกว่า 1,250+ แห่ง ซึ่งครอบคลุม Forex, หุ้น, พันธบัตร, ดัชนีหุ้น, ETF, สินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรวมถึงเงินลงทุนจากภูมิภาคต่างๆทั่วโลก
ด้วย AvaTrade ผู้ใช้สามารถซื้อขายจากบัญชีการซื้อขายที่แตกต่างกัน ซึ่งรวมถึงการเดิมพันแบบสเปรด, การซื้อขาย CFD, การซื้อขายออปชั่นและบัญชีอิสลาม นอกจากนี้โบรกเกอร์ยังให้คุณเข้าถึงบัญชีการเทรดแบบมืออาชีพสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์อีกสูงด้วย
โบรกเกอร์ให้การเข้าถึงบริการจาก Trading Central ซึ่งให้แนวคิดและการวิจัยในการซื้อขายแบบเรียลไทม์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ซึ่งนี่สามารถเป็นตัวช่วยที่ดีในการค้นหาแนวคิดสำหรับปรับปรุงการลงทุนให้มีคุณภาพ
ข้อดี:
- ควบคุมโดยหกเขตอำนาจศาลที่แตกต่างกัน
- ค่าคอมมิชชั่น 0% จ่ายเพียงแค่สเปรดและสว็อปจำนวนเล็กน้อย
- เข้าถึงตลาดได้มากกว่า 1,250 แห่งทั่วโลก
- ค่าธรรมเนียมการฝากและถอนเป็นศูนย์
ข้อด้อย:
- มีค่าธรรมเนียมในกรณีที่ไม่มีการใช้งานบัญชี
เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง
3. Quantum AI – รับคำแนะนำการลงทุนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมเครื่องแรกของโลก
Quantum AI เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ควอนตัมเพื่อให้คำแนะนำว่าจะซื้อและขายอะไร และเมื่อใด แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์ม MT4 หลายแพลตฟอร์ม รวมถึงโบรกเกอร์อื่นๆ แต่การลงทุนทั้งหมดทำโดยตรงบนเว็บไซต์หรือแอพ Quantum AI หุ่นยนต์ Quantum AI สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ เช่น ETFs และ Funds, Cryptocurrencies, Forex และ Shares หุ่นยนต์การลงทุนอัตโนมัติกล่าวว่าพวกเขาสามารถให้ผลกำไรสูงถึง 60% ทุกวันซึ่งน่าประทับใจมาก แม้ว่าเราจะไม่พบประวัติประสิทธิภาพการทำงานใดๆ ก่อนหน้านี้ แต่แพลตฟอร์ม Quantum AI ก็ยังอยู่ในระดับสูงในสถานที่ต่างๆ เช่น Trustpilot และ CoinInsider
การตั้งค่าบัญชีนั้นง่ายมากและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที จำนวนเงินขั้นต่ำที่คุณจะต้องเริ่มต้นคือ 220 ยูโร ซึ่งสามารถถอนออกได้ทุกเมื่อ
Quantum AI ไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ เลย คุณไม่ต้องจ่ายสำหรับการฝาก ถอน หรือค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมอื่น ๆ คุณจะไม่ถูกเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นเช่นกัน ยอดเยี่ยมใช่มั้ย ควอนตัม AI ไม่ได้ถูกควบคุม แต่มีหุ่นยนต์น้อยมาก หากคุณมีคำถามหรือต้องการความช่วยเหลือ ฝ่ายบริการลูกค้าจะพร้อมให้บริการผ่านอีเมลตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันไม่เว้นวันหยุด
มาดูข้อดีและข้อเสียของ Quantum AI กัน คุณจะเห็นว่ามีข้อดีมากกว่าข้อด้อย
ข้อดี:
- รีวิวดีจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ
- คุณไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใดๆเพื่อใช้ Quantum AI
- คอมพิวเตอร์ควอนตัมเครื่องแรกของโลกสำหรับการซื้อขายอัตโนมัติ
- ระบบสนับสนุนลูกค้าทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
- ทำธุรกรรมได้รวดเร็ว
- หุ่นยนต์ให้คำแนะนำในการซื้อและขาย - คุณสามารถเลือกได้หากต้องการ
- พร้อมใช้งานบนมือถือและเดสก์ท็อป
ข้อด้อย:
- ยากที่จะหาประวัติการทำงาน
- เงินฝากขั้นต่ำอยู่ในระดับสูง
- ผลิตภัณฑ์ใหม่มากๆซึ่งหมายความว่ายังอยู่ในระยะเริ่มต้น
เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง
วิธีการลงทุนในกองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจในไทยสำหรับวันนี้
หากวันนี้คุณกำลังมองหาวิธีการลงทุนในกองทุนรวม แต่ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี? ลองทำตามคำแนะนำทีละขั้นตอนที่ระบุไว้ด้านล่างเพื่อให้คุณสามารถซื้อกองทุนรวมได้ง่าย ๆ จากบ้านของคุณเอง
แนวทางด้านล่างเป็นไปตามวิธีของ Libertex โบรกเกอร์กองทุนรวมยอดนิยมของเรา ซึ่งจะช่วยให้คุณเริ่มต้นลงทุนได้โดยไม่มีค่าคอมมิชชัน ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ
ขั้นตอนที่ 1: เปิดบัญชีที่ Libertex เพื่อซื้อขายกองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจ
คุณจะถูกขอให้ป้อนข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียดการติดต่อ และหมายเลขประกันของประเทศ คุณต้องสร้างชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านด้วย สุดท้าย ให้ยืนยันหมายเลขโทรศัพท์มือถือของคุณ
ขั้นตอนที่ 2: ดาวน์โหลดแอป Libertex (ไม่บังคับ)
การพิจารณาดาวน์โหลดแอปการลงทุน Libertex ก็คุ้มค่าเช่นกัน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณซื้อและขายกองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจได้ด้วยการคลิกปุ่มผ่านโทรศัพท์ของคุณ สิ่งที่คุณต้องทำคือดาวน์โหลดแอปและเข้าสู่ระบบด้วยข้อมูลประจำตัว Libertex ของคุณ!
ขั้นตอนที่ 3: ฝากเงิน
แม้ว่า Libertex จะอนุญาตให้คุณซื้อกองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจในประเทศไทย ได้อย่างน้อย 25 ดอลลาร์ แต่คุณจะต้องฝากเงินอย่างน้อย 10 ดอลลาร์ คุณสามารถทำได้ทันทีด้วยบัตรเดบิต/เครดิตประจำวันของคุณ
นอกจากนี้ยังรองรับ E-wallets ซึ่งรวมถึง Paypal, Skrill และ Neteller คุณสามารถโอนเงินจากบัญชีธนาคารในประเทศไทย ได้หากต้องการ แต่เตรียมใจไว้เลยว่าจะต้องรอเป็นเวลาหลายวันกว่าเงินจะมาถึง
ขั้นตอนที่ 4: ทำการซื้อขายกองทุนต่างประเทศครั้งแรกของคุณ
สำหรับการซื้อขาย บัญชีของคุณพร้อมแล้ว และคุณสามารถเริ่มการซื้อขาย Libertex ของคุณได้ การซื้อขายทั้งหมดสามารถทำได้โดยตรงบนแอพมือถือ Libertex หรือแพลตฟอร์มออนไลน์บนเดสก์ท็อป
สรุป – แนะนำกองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจ 2024
กองทุนรวมเพื่อการลงทุนกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จากเทรดเดอร์ในประเทศไทยเนื่องจากมีกระบวนการแบบ end-to-end เป็นการลงทุนแบบพาสซีฟ โดยสิ่งที่คุณต้องทำคือเลือกกองทุนให้เหมาะสมกับจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำที่คุณสามารถลงทุนได้ เท่านี้ก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำอีกแล้ว
นอกเหนือจากการเพิ่มทุนของคุณเมื่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนที่คุณลงทุนมีปริมาณเพิ่มขึ้น นอกจากนี้คุณยังสามารถรับเงินปันผลได้อีกด้วย ซึ่งปันผลส่วนใหญ่จะได้จากส่วนแบ่งหุ้นปันผลหรือจากการจ่ายคูปองพันธบัตร และโดยทั่วไปจะแจกปันผลทุก ๆ สามเดือน
70.8% ของบัญชีนักเทรดรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อทำการเทรด CFDs กับทางแพลตฟอร์มนี้