5 อันดับกระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุด ข้อดี-ข้อเสียที่ควรรู้!
Crypto Wallet เป็นสิ่งที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ เพราะสิ่งนี้จะเป็นเครื่องมือสำหรับการจัดเก็บเหรียญดิจิทัล นักลงทุนควรเลือกใช้ตัวเลือกที่มีความปลอดภัยสูงเพื่อจัดเก็บและปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเองให้ปลอดภัย
คู่มือนี้จะนำพาคุณได้พบกับรายชื่อผู้ให้บริการกระเป๋าเงินคริปโต ที่เชื่อถือได้และได้รับการยอมรับในระดับสากล พร้อมสรุปข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ค่าธรรมเนียม และข้อดีและข้อเสีย ซึ่งจะช่วยให้ผู้อ่านได้เปรียบเทียบและพิจารณาว่าจะเลือกใช้อันไหนดีที่สุดและเหมาะสมกับการใช้งานของตน
- Best Wallet — แพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย Web3 และ AI
- Coinbase — แอปที่รองรับเหรียญคริปโตมากกว่า 100 สกุล
- Kraken — ผู้ให้บริการเก่าแก่ที่ไม่เคยถูกแฮ็ก
- Binance — กระเป๋าเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก
วิธีลงทะเบียน Crypto Wallet — คู่มือฉบับย่อ
การลงทะเบียนเพื่อเปิดใช้กระเป๋าเงินนั้นเรียบง่ายและรวดเร็วใน 3 ขั้นตอน ดังนี้:
- เลือกผู้ให้บริการที่ดีที่สุด: ปัจจุบันนี้มีกระเป๋าเงินคริปโตให้เลือกมากมาย คุณควรพิจารณาและเลือกใช้กระเป๋าดิจิตอลจากวิธีการใช้งาน วิธีการเติมเงิน วิธีการถอนเงิน ค่าธรรมเนียมและการติดต่อฝ่ายสนับสนุน เพื่อให้มั่นใจว่ากระเป๋าเงินดิจิตอล อันไหนดีที่สุดและสะดวกต่อการใช้งานของตนเองมากที่สุด
- ลงทะเบียน: ทำการลงทะเบียนและเปิดใช้ โปรดทราบว่าผู้ให้บริการแต่ละรายอาจมีขั้นตอนการลงทะเบียนที่แตกต่างกัน เช่น ผู้ใช้จำเป็นต้องนำส่งเอกสารบางอย่างเพื่อทำการยืนยันตัวตนและอาจมีขั้นตอนการเปิดใช้ระบบ 2FA
- เติมเงิน : เมื่อบัญชีพร้อมใช้งาน คุณสามารถเติมเงินเข้าสู่กระเป๋าดิจิตอลด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ชำระเงินผ่านบัตรธนาคาร ซื้อเหรียญแบบ P2P และการโอนเหรียญจากกระเป๋าดิจิตอลของผู้อื่น
*คำแนะนำ – เพื่อประโยชน์สูงสุดของคุณ โปรดอ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขในการใช้งานของผู้ให้บริการแต่ละรายอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทะเบียนและใช้งาน
กระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุดในปี 2024
ด้วยความนิยมและความสนใจในเหรียญดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มกระดานเทรดคริปโตเกิดขึ้นอย่างมากมาย พวกเขาแข่งขันกันด้านการพัฒนาระบบและการให้บริการลูกค้า รวมไปถึงการนำเสนออัตราการแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ถูกกว่าเพื่อดึงดูดนักลงทุน ซึ่งนี่เป็นข้อดีสำหรับนักลงทุนที่จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดและความคุ้มค่าสูงสุด
ในทางกลับกัน การที่มีกระเป๋าเงินคริปโต และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเทรดเหรียญมากมายอาจสร้างความลำบากให้แก่นักลงทุนในการพิจารณาว่าแพลตฟอร์มหรือกระเป๋าเงินดิจิตอล อันไหนดีที่สุดสำหรับตนเอง
เพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหานี้ เราได้รวบรวม ตรวจสอบ และคัดเลือกผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการซื้อขายเหรียญที่ดีที่สุดมา 5 ราย พร้อมกับสรุปข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ค่าธรรมเนียมและข้อดีและข้อเสีย
1. Best Wallet — crypto wallet ที่ขับเคลื่อนด้วย Web3 และ AI
Best Wallet คือกระเป๋าตังดิจิตอล ที่มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสูง มาในรูปแบบ Non-Custodial Wallet (กระเป๋าที่ไม่มีผู้รับฝากทรัพย์สิน) ประเภทเดสก์ทอป/มือถือ รองรับการจัดเก็บเหรียญและสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด การเข้าถึง Web3 การขับเคลื่อนด้วย AI และโทเค็น BEST ที่มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์มากมาย
หนึ่งในคุณสมบัติเด่นที่นำเสนอโดย Best Wallet คือ Web3 ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและส่งต่อข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็วมากขึ้น โดย Best Wallet ได้นำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้และพัฒนา Best Dex กระดานซื้อขายเหรียญดิจิทัลอัจฉริยะที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงราคาตลาดได้อย่างแม่นยำ นำเข้าสินทรัพย์เข้าสู่พอร์ตและส่งออกสู่กระดานเทรดได้อย่างรวดเร็ว
รวมไปถึงการพัฒนาผู้ช่วยบอท AI ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี Web3 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการและสร้างข้อมูลเชิงลึกในพอร์ตของตนเองซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่การลงทุนแบบเดย์เทรดและแบบระยะยาว การเข้าถึงข้อมูลการซื้อขายในตลาดได้อย่างรวดเร็ว การนำทางผู้ใช้เข้าถึงส่วนต่าง ๆ ในกระเป๋าตังดิจิตอลได้อย่างง่ายดาย และแชทบอทที่จะช่วยมอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการซื้อขายเหรียญดิจิทัล
นอกจากนี้ Best Wallet ยังนำเสนอโทเค็น BEST ซึ่งเป็นเหรียญดิจิทัลที่มีมูลค่า โดยผู้ใช้ที่ถือเหรียญดิจิทัลนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษทางด้านค่าธรรมเนียมก๊าซและโบนัสแอร์ดรอป
ค่าธรรมเนียมของ Best Wallet
ค่าธรรมเนียม | จำนวน |
การซื้อขายเหรียญดิจิทัล | N/A |
หากไม่ได้ใช้งานบัญชี | N/A |
การถอนเงิน | N/A |
Best Wallet เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่ต้องการซื้อและขายเหรียญดิจิทัล
- ผู้ที่ต้องการสัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ของ Cryptocurrency Wallet
- ผู้ที่กำลังมองหากระเป๋าเก็บเหรียญดิจิทัลรูปแบบ Non-Custodial Wallet
ข้อดี:
- รองรับเหรียญดิจิทัลหลากหลายเหรียญ
- นำเสนอโทเค็น BEST ซึ่งเป็นเหรียญดิจิทัลที่มีมูลค่า
- กระดานซื้อขายเหรียญที่นำเสนอข้อมูลและราคาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
- มีผู้ช่วยบอท AI ในการเข้าถึงข้อมูลการซื้อขายและข้อมูลที่เป็นประโยชน์
- เป็นกระเป๋า คริปโตรูปแบบ Non-Custodial Wallet มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสูง
ข้อด้อย:
- ยังไม่ได้รับการควบคุมในบางประเทศ
2. Coinbase — แอปพลิเคชั่นที่รองรับมากกว่า 100 เหรียญ
Coinbase คือผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการซื้อและการขายเหรียญดิจิทัลที่เชื่อถือได้ ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 ดำเนินการโดยบริษัท Coinbase Global, Inc. สหรัฐอเมริกาและอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ โดยมีชื่อหุ้นว่า COIN รองรับการซื้อและขายเหรียญดิจิทัลมากกว่า 100 เหรียญ รองรับการจัดเก็บ NFT และให้บริการกระเป๋าตังดิจิตอลประเภท Non-Custodial Wallet (กระเป๋าที่ไม่มีผู้รับฝากทรัพย์สิน) ที่มีความปลอดภัยสูงมาก
หนึ่งในคุณสมบัติเด่นที่นำเสนอโดย Coinbase คือการออกแบบกระดานเทรดมาในรูปแบบที่เรียบง่ายและเป็นมิตรกับนักลงทุนใหม่ มีกราฟแสดงข้อมูลที่ดูเข้าใจง่าย และมีการนำเทคโนโลยี Web3 เข้ามาปรับใช้ในการนำเสนอข้อมูลและราคาเหรียญดิจิทัลบนกระดานเทรดได้อย่างรวดเร็ว
อีกหนึ่งคุณสมบัติเด่นที่นำเสนอโดย Coinbase คือตู้นิรภัยสำหรับการรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยผู้ใช้สามารถเลือกใช้ตู้นิรภัยในการหน่วงเวลาการถอนเงินและการโอนเหรียญ กล่าวคือหากกระเป๋าเงินคริปโตของผู้ใช้ถูกโจมตีโดยผู้ไม่หวังดี ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนก่อนที่เหรียญดิจิทัลจะถูกขโมยและเงินถูกถอนออกไปได้สำเร็จ
นอกจากนี้ Coinbase ยังมีแอพเทรดคริปโตที่รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Andriod ซึ่งผู้ใช้สามารถจัดการพอร์ตสินทรัพย์ เข้าถึงราคา และทำการซื้อและขายเหรียญดิจิทัลได้ทุกที่และทุกเวลาเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส
ค่าธรรมเนียมของ Coinbase
ค่าธรรมเนียม | จำนวน |
การซื้อขายเหรียญดิจิทัล | เริ่มต้นที่ 0.50% |
หากไม่ได้ใช้งานบัญชี | ไม่มี |
การถอนเงิน | เริ่มต้นที่ 1.49% |
Coinbase เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการซื้อและขายเหรียญดิจิทัล
- ผู้ที่ต้องการกระเป๋า Wallet เพื่อจัดเก็บ NFT
- ผู้ที่กำลังมองหากระเป๋าเก็บเหรียญดิจิทัลรูปแบบ Non-Custodial Wallet
- นักลงทุนเหรียญเหรียญดิจิทัลมือใหม่ที่กำลังมองหาแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย
- เกมเมอร์สายเกม Play to Earn ที่กำลังมองหากระเป๋า Wallet เพื่อจัดเก็บเหรียญและ NFT
ข้อดี:
- ค่าบริการต่ำ
- รองรับ NFT และเหรียญดิจิทัลมากกว่า 100 เหรียญ
- การออกแบบแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับนักลงทุนใหม่
- กระดานซื้อขายเหรียญที่นำเสนอข้อมูลและราคาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
- เป็นกระเป๋า Wallet รูปแบบ Non-Custodial Wallet มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสูง
ข้อด้อย:
- ไม่รองรับการใช้งานจากผู้ใช้ในบางประเทศ
3. Kraken — กระเป๋าเงินคริปโตเก่าแก่ที่ไม่เคยถูกแฮ็ก
Kraken คือผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการซื้อและการขายเหรียญดิจิทัลที่เชื่อถือได้และมีความปลอดภัยสูงมาก ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 รองรับการซื้อขายเหรียญดิจิทัลมากกว่า 200 เหรียญ เป็นหนึ่งในกระดานเทรดเหรียญดิจิทัลในสหรัฐอเมริกาที่ไม่เคยถูกแฮ็ก เพราะผู้ให้บริการรายนี้มีนโยบายและวิธีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดและได้รับการตรวจสอบจากบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีชื่อเสียงอย่างสม่ำเสมอ
หนึ่งในคุณสมบัติเด่นที่นำเสนอโดย Kraken คือผู้ให้บริการรายนี้มีวิธีการจัดเก็บเหรียญดิจิทัลในรูปแบบ Cold Storage หรือ Cold Wallet ซึ่งเป็นการจัดเก็บรูปแบบออฟไลน์ที่ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้ไม่มีความเสี่ยงจากการถูกโจมตีและโจรกรรมทางไซเบอร์
อีกหนึ่งในคุณสมบัติที่น่าสนใจที่นำเสนอโดย Kraken คือศูนย์การเรียนรู้ (Learn Center) ที่เป็นคลังความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในเหรียญดิจิทัลและ NFT ที่เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่กำลังศึกษาหาความรู้และนักลงทุนที่มีประสบการณ์ที่เพิ่มพูนความรู้ทางด้านการลงทุน
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มการลงทุนของ Kraken ยังได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้มือถือ อีกทั้งยังมีแอปพลิเคชัน Crypro Wallet ที่รองรับทั้งระบบ iOS และ Android
ค่าธรรมเนียมของ Kraken
ค่าธรรมเนียม | จำนวน |
การซื้อขายเหรียญดิจิทัล | เริ่มต้นที่ 0.00% |
หากไม่ได้ใช้งานบัญชี | ไม่มี |
การถอนเงิน | เริ่มต้นที่ 0.00% |
Kraken เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการซื้อและขายเหรียญดิจิทัล
- ผู้ที่ต้องมองหากระเป๋าเงินรูปแบบออฟไลน์
- นักลงทุนเหรียญเหรียญดิจิทัลมือใหม่ที่กำลังมองหาแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย
ข้อดี:
- ค่าธรรมเนียมต่ำมาก
- มีศูนย์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่นักลงทุนที่เข้าถึงฟรี
- รองรับการซื้อและขายเหรียญดิจิทัลมากกว่า 200 เหรียญ
- เป็นแพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยงในการโจมตีทางไซเบอร์ต่ำมาก
- การออกแบบแพลตฟอร์มที่เรียบง่ายและเป็นมิตรกับนักลงทุนใหม่
ข้อด้อย:
- ตัวเลือกในการถอนเงินค่อนข้างจำกัด
- ไม่รองรับการใช้งานจากผู้ใช้ในบางประเทศ
4. Binance —ผู้ให้บริการที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Binance คือผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการซื้อและการขายเหรียญดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 รองรับการซื้อและขายเหรียญดิจิทัลมากกว่า 200 เหรียญ มีผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก มีปริมาณการซื้อขายโดยเฉลี่ย 2 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน มีระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ครบครันตั้งแต่การฝากเหรียญดิจิทัลบนกระเป๋าเงินคริปโต การซื้อ การขาย และการแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัล การกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล และอื่น ๆ อีกมากมาย
หนึ่งในคุณสมบัติเด่นที่นำเสนอโดย Binance คือ Binance P2P ที่ผู้ใช้สามารถซื้อและขายเหรียญกับร้านค้าท้องถิ่น เป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์แก่นักลงทุนที่มีข้อจำกัดทางด้านการฝากและถอนเงิน เช่น นักลงทุนชาวไทยที่ไม่สามารถซื้อเหรียญผ่านบัตรธนาคารในประเทศ แต่พวกเขาสามารถซื้อและขายเหรียญดิจิทัลกับร้านค้าผ่านวิธีการโอนเงินผ่านธนาคารในประเทศด้วยเงินสกุลบาทไทย
อีกหนึ่งคุณสมบัติเด่นที่นำเสนอโดย Binance คือ Binance Loans ที่นักลงทุนสามารถกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อนำไปลงทุนและนักลงทุนก็สามารถนำสินทรัพย์ของตนเองไปปล่อยกู้แก่นักลงทุนรายอื่นเพื่อสร้างรายได้จากดอกเบี้ยได้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ Binance ยังนำเสนอโทเค็น BNB ซึ่งเป็นเหรียญดิจิทัลที่มีมูลค่าและปริมาณการซื้อขายต่อวันสูงมาก รวมไปถึงฟีเจอร์การเผาอัตโนมัติ (Auto-Burn) ที่จะทำการเผาเหรียญที่มีปริมาณการซื้อขายน้อยทุก 3 เดือนหรือราคาตกลงมากเพื่อทำการลดอุปทานให้น้อยลงและรักษาราคาไม่ให้ตกต่ำมากเกินไป
แอปพลิเคชันของ Binance เป็นแอพเทรดที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนชาวไทย เพราะแอปมีการอัปเดตราคาแบบเรียลไทม์ นำเสนอฟีเจอร์และฟังก์ชันเหมือนกับเว็บเบราว์เซอร์ทุกประการแต่มีความสะดวกและความรวดเร็วมากกว่า และผู้ใช้ในประเทศไทยสามารถทำการซื้อและขายเหรียญผ่านแอปได้ภายในไม่กี่คลิกโดยไม่จำเป็นต้องโยกเหรียญ
ค่าธรรมเนียมของ Binance
ค่าธรรมเนียม | จำนวน |
การซื้อขายเหรียญดิจิทัล | เริ่มต้น 0.1% |
หากไม่ได้ใช้งานบัญชี | ไม่มี |
การถอนเงิน |
เริ่มต้นที่ 0.00% (ขึ้นอยู่กับช่องทางในการถอนเงิน) |
Binance เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการซื้อและขายเหรียญดิจิทัล
- นักลงทุนในบางประเทศที่มีข้อจำกัดทางด้านการฝากและถอนเงิน
- ผู้ที่กำลังมองหากระเป๋าเงินสำหรับการเก็บรักษา รับและส่งเหรียญดิจิทัล
ข้อดี:
- ค่าธรรมเนียมต่ำมาก
- มีระบบนิเวศครบครัน
- รองรับการซื้อและขายเหรียญดิจิทัลมากกว่า 300 เหรียญ
- แพลตฟอร์มใช้งานง่าย มีแอปพลิเคชัน และเป็นมิตรกับนักลงทุนใหม่
- นักลงทุนที่มีข้อจำกัดทางด้านการฝากและถอนเงินสามารถซื้อและขายเหรียญผ่าน P2P
ข้อด้อย:
- ไม่รองรับการใช้งานจากผู้ใช้ในบางประเทศ
- ไม่รองรับการใช้งานบางภาษา
- ไม่มีการสนับสนุนบางภาษา
สินทรัพย์ดิจิตอลมีความผันผวนสูง และยังไม่ได้รับการกำกับดูแล
กระเป๋าเงินคริปโตคืออะไร
กระเป๋าเงินคริปโตคือเครื่องมือสำหรับการจัดเก็บเหรียญดิจิทัล เช่น Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น NFT ให้มีความปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัว เปรียบเสมือนกระเป๋าสตางค์หรือตู้เซฟ นอกเหนือไปจากการเก็บรักษาเหรียญและสินทรัพย์ดิจิทัลแล้วยังมีประโยชน์ในการใช้งานรูปแบบอื่น ๆ เช่น
- การจัดการสินทรัพย์: ผู้ใช้สามารถจัดการและตรวจสอบสินทรัพย์ของตนเองได้แบบเรียลไทม์
- การลงทุน: ผู้ใช้สามารถซื้อและขายเหรียญดิจิทัลกับผู้ให้บริการบางราย เช่น Binance, Kraken และ Coinbase
- การรับและส่งเงิน: ผู้ใช้สามารถรับและส่งเงินผ่านระบบบล็อกเชนที่มีความเป็นส่วนตัวสูงและไม่มีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม
วิธีรับ Crypto Wallet – Best Wallet
Best Wallet เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการที่เราอยากแนะนำเพราะเป็นกระเป๋าที่ผู้ใช้สามารถจัดการและเก็บคีย์ส่วนตัวของตนเองได้โดยสมบูรณ์แต่เพียงผู้เดียว มีคุณสมบัติเสริมที่น่าสนใจอีกมากมาย อีกทั้งยังมีวิธีการเปิดบัญชีที่เรียบง่าย ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: ติดตั้งแอป Best Wallet ลงบนมือถือ
Best Wallet เป็นกระเป๋าเงินคริปโตที่ยังไม่ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาระบบ การใช้งาน และคุณสมบัติต่าง ๆ ซึ่งตามแผนงานแล้วจะพร้อมเปิดให้บริการในสิ้นปีนี้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้ใช้ไม่สามารถใช้งานกระเป๋าสตางค์ผ่านเดกส์ท็อปได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงสามารถใช้งาน Best Wallet เวอร์ชันแอปพลิเคชันที่สามารถดาวน์โหลดจากที่ AppStore และ GooglePlay ได้ฟรีและเข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การโอนเงิน การรับเงิน และการแลกเปลี่ยนได้ในขณะนี้
สินทรัพย์ดิจิตอลมีความผันผวนสูง และยังไม่ได้รับการกำกับดูแล
ขั้นตอนที่ 2: ลงทะเบียน Best Wallet
ให้ผู้ใช้เปิดแอปพลิเคชัน Best Wallet กรอกอีเมลเพื่อทำการลงทะเบียนและคลิกที่ลิงค์ที่ส่งไปยังอีเมลเพื่อยืนยันการลงทะเบียน จากนั้นตั้งค่ารหัส OTP ในการเข้าสู่กระเป๋าและกำหนด Alias ที่มีอักขระมากกว่า 4 อักขระขึ้นไป
ขั้นตอนที่ 3: เติมเงินเข้าสู่ Best Wallet
ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นใช้งาน Best Wallet ในทันที โดยผู้ใช้สามารถเติมเหรียญดิจิทัลเข้าสู่กระเป๋าได้ 2 วิธี ได้แก่
- การซื้อเหรียญและชำระเงินผ่านบัตรธนาคาร: ผู้ใช้คลิกที่ปุ่ม ‘Buy’ และคลิกที่ปุ่ม Visa/MasterCard จากนั้นกรอกข้อมูลบัตรเพื่อดำเนินการชำระเงิน
- การโอนเหรียญมาจากกระเป๋าใบอื่น: ผู้ใช้คลิกที่ปุ่ม ‘Receive’ คัดลอกที่อยู่กระเป๋าเงินหรือใช้รหัส QR ส่วนบุคคลสำหรับการรับเหรียญดิจิทัลเข้าสู่กระเป๋า
ขั้นตอนที่ 4: สำรวจ Best Wallet
Best Wallet มีคุณสมบัติมากมายให้ผู้ใช้ได้สำรวจ เช่น การรับและส่งเหรียญ บอท AI และตารางราคาเหรียญดิจิทัลที่อัปเดตแบบเรียลไทม์ ที่ผู้ใช้จะได้สัมผัสนวัตกรรมแห่งโลกอนาคตได้ที่ปลายนิ้วสัมผัส!
สินทรัพย์ดิจิตอลมีความผันผวนสูง และยังไม่ได้รับการกำกับดูแล
Crypto Paper Wallet กับ Crypto Hardware Wallet
เนื่องจากเหรียญและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงที่อาจจะถูกโจรกรรมทางไซเบอร์และมีโอกาสน้อยมากที่ผู้ใช้จะสามารถติดตามกลับคืนมาได้ เนื่องจากธุรกรรมทั้งหมดจะถูกดำเนินการผ่านระบบบล็อกเชนซึ่งไม่มีตัวกลาง เช่น ธนาคาร ที่ผู้ใช้สามารถตรวจสอบรายละเอียดของผู้รับปลายทางได้
ดังนั้น การเลือกใช้ กระเป๋าเงินคริปโตที่เป็นแบบออฟไลน์อย่าง Crypto Paper Wallet กับ Crypto Hardware Wallet จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่ต้องปกป้องสินทรัพย์ของตนเองจากแฮกเกอร์
Crypto Paper Wallet
ผู้ใช้จะสร้างกระเป๋าเงินคริปโตของตนเองบนบล็อกเชน โดยผู้ใช้จะได้รับที่อยู่กระเป๋าดิจิทัลและกุญแจส่วนตัว (Private Key) เป็นของตนเองซึ่งสามารถมาในรูปแบบของรหัส QR และตัวอักษรที่ผสมตัวเลข เมื่อผู้ใช้ได้รับข้อมูลเหล่านี้แล้ว ให้ผู้ใช้ทำการพิมพ์หรือเขียนลงบนกระดาษ ซึ่งวิธีการนี้จะมีความปลอดภัยจากการโจมทีทางไซเบอร์สูง
ข้อดี: ปลอดภัยจากการโจมทีทางไซเบอร์สูง
ข้อเสีย: หากกระดาษหายไปหรือน้ำหมึกเลือนลางข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ก็จะหายไปเช่นกัน
Crypto Hardware Wallet
ผู้ใช้จะสร้างกระเป๋าเงินของตนเองบนบล็อกเชนเช่นเดียวกับ Crypto Paper Wallet แต่ Crypto Hardware Wallet จะเป็นอุปกรณ์ในการจัดเก็บรักษาที่อยู่กระเป๋าดิจิทัลและกุญแจส่วนตัว (Private Key) ที่ใช้สำหรับการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลบนบล็อกเชน มีลักษณะคล้ายคลึงกับกับแฟรชไดรฟ์ (Flash Drive)
ข้อดี: ปลอดภัยจากการโจมทีทางไซเบอร์สูง
ข้อเสีย: หากอุปกรณ์สูญหายหรือถูกทำลาย สินทรัพย์ดิจิทัลก็จะสูญหายเช่นเดียวกัน
วิธีเลือก Crypto Wallet ที่ใช่สำหรับคุณ
การเลือกแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อและขายเหรียญดิจิทัลเป็นเรื่องยาก แต่การเลือกแพลตฟอร์มสำหรับการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นยากมากกว่า เพราะผู้บริการมีหลากหลายประเภทและกระเป๋าแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ผู้ใช้ควรเลือกใช้กระเป๋าสะดวกและเหมาะแก่การใช้งานของตน
Custodian หรือ Non-Custodian
ต่อไปนี้คือประเภทของกระเป๋าเงินที่จำแนกตามวิธีการเข้าถึงและวิธีการใช้งาน
Custodian
Custodian Wallet คือ กระเป๋าเงินคริปโตที่ผู้ให้บริการจะทำการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลและกุญแจส่วนตัวของลูกค้าไว้ กระเป๋าประเภทนี้มักจะให้บริการโดยแพลตฟอร์มซื้อและขายสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Binance และ Kraken มีความสะดวกสูงเพราะผู้ใช้สามารถตรวจสอบและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลบนพอร์ตของตนเองได้ทันที และหากผู้ใช้ลืมรหัสผ่าน ผู้ใช้สามารถติดต่อฝ่ายสนับสนุนเพื่อขอกู้คืนรหัสผ่านได้
อย่างไรก็ตาม กระเป๋าประเภทนี้มีความเสี่ยงสูงในการถูกโจมตีทางไซเบอร์ ผู้ใช้ควรเลือกใช้บริการกับผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้และมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัย
Non-Custodian
Non-Custodian Wallet คือผู้ให้บริการมีหน้าที่ในการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้นและผู้ใช้จะมีอำนาจในการควบคุมและเป็นเจ้าของคีย์ส่วนตัว (Private Key) ของตนเองได้อย่างสมบูรณ์แต่เพียงผู้เดียว ปัจจุบันนี้มี Non-Custodian Wallet ให้เลือกมากมาย เช่น Best Wallet
กระเป๋าประเภทนี้มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสูง แต่ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบสูงเช่นเดียวกัน เพราะผู้ใช้จำเป็นต้องเก็บรักษาคีย์ส่วนตัวของตนเองให้ดีไม่ให้สูญหาย
สินทรัพย์ดิจิตอลมีความผันผวนสูง และยังไม่ได้รับการกำกับดูแล
ประเภทกระเป๋า
ต่อไปนี้คือประเภทของกระเป๋าเงินคริปโต ที่จำแนกตามวิธีการเข้าถึงและวิธีการใช้งาน
Web-Wallet
กระเป๋าสตางค์ที่ให้บริการโดยแพลตฟอร์มผู้เป็นนายหน้าในการซื้อและขายสินทรัพย์ เช่น Binance และ Coinbase เป็นตัวเลือกที่มีความปลอดภัยต่ำสุด เพราะสินทรัพย์และเงินทั้งหมดจะถูกนำฝากบนแพลตฟอร์มซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกโจรกรรม
ในทางกลับกัน ตัวเลือกนี้มีความสะดวกและรวดเร็วมากที่สุดเพราะผู้ใช้สามารถนำเหรียญไปซื้อและขายบนกระดานเทรดได้ทันที
Desktop-Wallet
กระเป๋าสตางค์ที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่ในการเก็บรักษากุญแจส่วนตัว (Private Key) ในการเข้าถึงสินทรัพย์ที่อยู่บนระบบบล็อกเชนให้ปลอดภัย มาในรูปแบบของซอฟต์แวร์ และผู้ใช้จำเป็นต้องดาวน์โหลดไฟล์ “wallet.dat” ลงบนคอมพิวเตอร์
ตัวเลือกนี้มีความปลอดภัยค่อนข้างสูงแต่ก็มีความเสี่ยงหากคอมพิวเตอร์ถูกโจมตีโดยไซเบอร์หรือไวรัส ซึ่งถ้าหากไฟล์ดังกล่าวหายไป สินทรัพย์ก็จะหายไปเช่นเดียวกัน
Mobile-Wallet
กระเป๋าสตางค์ที่ให้บริการโดยแพลตฟอร์มผู้เป็นนายหน้าในการซื้อและขายสินทรัพย์แต่มาในรูปแบบของแอปพลิเคชัน มีวิธีการใช้งานคล้ายคลึงกับ Web-Wallet แต่ Mobile Wallet จะมีความสะดวกมากกว่าเพราะสามารถสแกนรหัส QR เพื่อรับและส่งเหรียญดิจิทัล
นอกจากนี้ Mobile Wallet มีความปลอดภัยมากกว่า Web-Wallet เพราะจะมีขั้นตอนการเข้าสู่ระบบด้วยไบโอเมตริกซ์เพิ่มเข้ามา เช่น การสแกนหน้าตา การสแกนลายนิ้วมือ หรือการสแกนม่านตาตามรูปแบบของสมาร์ทโฟนที่ใช้
Hardware-Wallet
กระเป๋าสตางค์ที่มาในรูปแบบของอุปกรณ์ของตนเองบนบล็อกเชนและ Hardware-Wallet จะทำหน้าที่ในการจัดเก็บที่อยู่กระเป๋าดิจิทัลและกุญแจส่วนตัว (Private Key)
Hardware-Wallet ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะมีความปลอดภัยสูง แต่ตัวเลือกนี้จะมีข้อเสียคือค่าใช้จ่ายและถ้าหากอุปกรณ์พังหรือสูญหายไป ทรัพย์สินดิจิทัลก็จะสูญหายไปเช่นเดียวกัน
Paper-Wallet
กระเป๋าสตางค์ที่มาในรูปแบบของกระดาษ โดยผู้ใช้จะทำการสร้างกระเป๋าเงินคริปโตของตนเองบนบล็อกเชนและทำการจดหรือพิมพ์ที่อยู่กระเป๋าดิจิทัลและกุญแจส่วนตัว (Private Key) ลงบนกระดาษ
ตัวเลือกนี้มีความปลอดภัยสูงสุดเพราะจะช่วยปกป้องการโจมตีและการโจรกรรมมทางไซเบอร์โดยสมบูรณ์ ถึงกระนั้น หากกระดาษได้สูญหายไปหรือหมึกเลือนลาง ทรัพย์สินดิจิทัลก็จะสูญหายไปเช่นเดียวกัน
ฟีเจอร์
นอกเหนือไปจากการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลให้ปลอดภัยซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานแล้ว ผู้ให้บริการบางรายยังมีคุณสมบัติเสริมที่ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้ตามอิสระ เช่น Binance Loans ของ Binance ที่ผู้ใช้สามารถกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อใช้สำหรับการลงทุน, บอท AI ของ Best Wallet ที่เป็นผู้ช่วยเหลือผู้ใช้ในการจัดการและเข้าถึงสินทรัพย์ต่าง ๆ และ Copy Trading ของ ที่ผู้ใช้สามารถใช้เพื่อลงทุนตามนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ
สินทรัพย์ดิจิตอลมีความผันผวนสูง และยังไม่ได้รับการกำกับดูแล
เหรียญที่รองรับ
จากการรีวิวผู้ให้บริการชั้นนำ 5 รายในข้างต้นได้แสดงให้เห็นว่าผู้ให้บริการแต่ละรายมีจำนวนสกุลเงินดิจิทัลที่แตกต่างกัน ก่อนที่ผู้ใช้จะเลือกใช้บริการกับผู้ให้บริการรายใด ผู้ใช้ควรตรวจสอบว่าพวกเขารองรับเหรียญที่ตนเองต้องการจัดเก็บหรือไม่
ผู้ใช้ควรเลือกใช้บริการกับผู้ให้บริการที่รองรับเหรียญหลากหลายประเภท เช่น Best Wallet ที่รองรับมากกว่า 100 สกุลเงิน และ Binance ที่รองรับมากกว่า 350 สกุลเงิน เพื่อให้สามารถเข้าถึงเหรียญต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวางและจัดเก็บสินทรัพย์ทั้งหมดไว้ในที่เดียว
บทสรุป
กระเป๋าเงินคริปโตคือเครื่องมือในการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลให้มีความปลอดภัยที่มาพร้อมกับคุณสมบัติเสริมอื่น ๆ เช่น การซื้อขายและการกู้ยืม ปัจจุบันนี้มีผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้และมีคุณสมบัติเสริมที่เป็นประโยชน์ให้เลือกมากมาย เช่น Binance และ Kraken ที่ผู้ใช้ควรเลือกใช้ตามความต้องการและความถนัดของตน
โดยรวมแล้ว เราอยากแนะนำ Best Wallet ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มมาใหม่ที่รองรับเหรียญดิจิทัลมากกว่า 100 สกุลและจะมีความหลากหลายของเหรียญเพิ่มมากขึ้นในอนาคต มาพร้อมกับบอท AI และ Web3 ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของเทคโนโลยีบล็อกเชน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเป็น Non-Custodian Wallet ที่มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสูงมากเพราะผู้ใช้จะมีอำนาจในการจัดการสินทรัพย์และเป็นเจ้าของคีย์ส่วนตัวได้อย่างสมบูรณ์แต่เพียงผู้เดียว