คู่มือการเทรดคริปโต มือใหม่ ปี 2024 [ฉบับเข้าใจง่าย!]
สกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin Ethereum และ Ripple มีปริมาณการลงทุนออนไลน์มหาศาลคิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านในแต่ละวัน
นักเทรดส่วนใหญ่จะซื้อและขายคู่เงินดิจิทัลที่อ้างอิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือคุณอาจตัดสินใจเทรดมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลหนึ่งกับสกุลเงินอื่น ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม วัตถุประสงค์คือการทำกำไรจากราคาสกุลเงินดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลง
คู่มือนี้จะอธิบายทุกสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับว่า การเทรดคริปโตคืออะไร การเทรดคริปโต มือใหม่ รวมถึงเทรดคริปโต ที่ไหนดี ขั้นตอนการเทรดคริปโต วิธีเล่นคริปโต สำหรับมือใหม่ แอพเทรดคริปโต Cryptocurrency Trading ในประเทศไทย รวมถึงหลักการทำงานบนพื้นฐานของการลงทุนระยะสั้นและระยะยาว ความเสี่ยงและกลยุทธ์ที่คุณต้องพิจารณา วิธีเล่นเทรดคริปโต วิธีเริ่มต้นใช้งานบัญชี การเทรดคริปโตของไทย
- 1 – เลือกบัญชี OKX สำหรับคุณสมบัติการซื้อขายอัตโนมัติ
- 2 –เปิดบัญชีกับ OKX
- 3 – ฝากเงินเข้าบัญชี
- 4 – เลือกสกุลเงินดิจิทัลที่ต้องการ
- 5 – เปิดสถานะแล้วกำหนดระดับ Stop Loss
การเทรดคริปโต คืออะไร
การลงทุนในเงินดิจิทัลเป็น Cryptocurrency Trading ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายคู่สกุลเงินดิจิทัลเพื่อทำกำไร หากต้องการสร้างรายได้ คุณต้องขายคู่สกุลเงินดิจิทัลให้ได้สูงกว่าราคาที่ซื้อมา
- เช่น คุณอาจส่งคำสั่ง 200 ปอนด์เพื่อซื้อคู่ BTC/USD ที่ราคา 6,000 ดอลลาร์สหรัฐแล้วปิดสถานะในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาที่ราคา 6,500 ดอลลาร์สหรัฐ
- ในทำนองเดียวกันแพลตฟอร์มการเทรดคริปโตในไทยยังช่วยให้คุณสามารถทำชอร์ต หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ หากคุณเชื่อว่าราคาของคู่สกุลเงินดิจิทัลจะลดลง ดังนั้นคุณจะทำกำไรจากราคาที่ลดลง
ในกรณีนี้ฟังก์ชั่นการเทรดคริปโต จะมีลักษณะเหมือนกับ Forex นั่นคือตลาดการเทรดทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับคู่เงิน ซึ่งประกอบด้วยสินทรัพย์สองรายการ อาจเป็น Ethereum กับดอลลาร์สหรัฐ หรือ Ripple กับ EOS อัตราแลกเปลี่ยนของแต่ละคู่จะมีเปลี่ยนแปลงแบบวินาทีต่อวินาที
หน้าที่ของคุณคือคาดการณ์ว่ามูลค่าอัตราแลกเปลี่ยนจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ข้อดีของ การเทรดคริปโต ในไทยคือคุณสามารถเข้าถึงตลาดได้จากที่บ้าน เพียงแค่ต้องเลือกโบรกเกอร์คริปโตออนไลน์ ฝากเงินด้วยบัตรเดบิต/เครดิตของไทย แล้วเริ่ม Crypto Trading เพื่อเทรดคริปโตได้ด้วยการคลิกปุ่ม
หลักการทำงานของการเทรดคริปโต
Cryptocurrency Trading หรือ Crypto Trading (การเทรดคริปโต) เป็นการลงทุนที่มาพร้อมความเสี่ยง ซึ่งคุณคาดหวังว่าจะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นคุณจึงต้องเข้าใจว่า การเทรดคริปโตในไทยเป็นอย่างไรก่อนที่จะเข้าสู่วงการนี้
สิ่งที่คุณต้องรู้มีดังต่อไปนี้
คู่เงินคริปโต
การเทรดสกุลเงินดิจิทัลทางออนไลน์จะซื้อขายเป็นคู่ คล้ายกับการเทรด Forex ซึ่งแต่ละคู่จะมีอัตราแลกเปลี่ยน อัตราแลกเปลี่ยนนี้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแบบวินาทีต่อวินาที การเคลื่อนไหวของราคาเป็นไปตามอุปสงค์และอุปทาน หากปริมาณคนซื้อคู่เงินมากขึ้น ราคาจะสูงขึ้น หากปริมาณผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อ ราคาคู่เงินก็จะลดลง
Crypto Trading (การเทรดคริปโต) มีคู่เงินสองประเภท ได้แก่
- Crypto to Fiat: หากคู่สกุลเงินประกอบด้วยสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) กับสกุลเงินทั่วไป (Fiat) จะเรียกว่า Crypto to Fiat สกุลเงินทั่วไปมักประกอบด้วยดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริง (De Facto) เช่น BTC/USD และ ETH/USD
- Crypto Cross: หากคุณต้องการเทรดสกุลเงินดิจิทัลหนึ่งกับอีกสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นการเทรดระหว่างคริปโตด้วยกันจะเรียกว่า Crypto Cross เช่น หากต้องการเทรด Bitcoin กับ Ripple คุณจะต้องเทรด BTC/XRP นักเทรดมือใหม่ควรหลีกเลี่ยงคู่คริปโตครอส (Crypto Cross) เพราะว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายและมีความซับซ้อนมากกว่า
คำสั่งการเทรดคริปโต
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะเทรดคู่สกุลเงินดิจิทัลตัวไหน คุณก็ต้องตั้งค่าคำสั่งกับโบรกเกอร์ โดยต้องเลือกสถานะ “ซื้อ” หรือ “ขาย”
- ส่ง “คำสั่งซื้อ” หากคุณคิดว่าราคาคู่สกุลเงินดิจิทัลจะเพิ่มขึ้น
- ส่ง “คำสั่งขาย” หากคุณคิดว่าราคาคู่สกุลเงินดิจิทัลจะลดลง
นอกจากนี้ยังมีประเภทคำสั่งซื้ออื่นๆ อีกมากมายที่คุณต้องรู้ก่อนเริ่มต้น Crypto Trading (การเทรดคริปโต) ในตลาดด้วยเงินจริง เช่น คุณต้องตัดสินใจระหว่างคำสั่ง “Market Order” หรือ “Limit Order”
- หากคุณต้องการให้คำสั่งซื้อหรือคำสั่งขายดำเนินการในราคาของตลาดปัจจุบัน คุณจะต้องใช้ คำสั่ง “Market Order”
- หากคุณต้องการให้คำสั่งซื้อหรือคำสั่งขายดำเนินการในราคาที่เฉพาะเจาะจง คุณจะต้องใช้คำสั่ง “Limit Order”
สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าคำสั่ง Limit Order เหมาะกับการเทรดสกุลเงินดิจิตอลระยะสั้นมากกว่า เพราะว่าคุณสามารถระบุราคาที่แน่นอนเมื่อเข้าเทรดในตลาด ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถปรับใช้กลยุทธ์การเข้าเทรดและออกจากเทรดได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้คำสั่ง Limit Order จะถูกดำเนินการหากเงื่อนไขตรงกับราคาที่ตั้งไว้และเมื่อราคาที่กำหนดตรงตามจุดเปิดใช้งานในตลาด
คำสั่งการบริหารความเสี่ยง
แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่บังคับให้ต้องทำ แต่คุณควรพิจารณาการตั้งค่าคำสั่งเพิ่มเติมอีกสองคำสั่งเมื่อเปิดสถานะสกุลเงินดิจิทัล ได้แก่ คำสั่ง “Stop Loss” และคำสั่ง “Take Profit”
คำสั่ง Stop Loss
คำสั่ง Stop Loss หรือคำสั่งหยุดการขาดทุน ช่วยให้คุณสามารถจำกัดปริมาณความสูญเสียจากการเทรด คุณต้องระบุราคาที่คุณจะออกจากสถานะเมื่อ Crypto Trading (การเทรดคริปโต) ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์
ตัวอย่างเช่น
- สมมติว่าคุณเทรด BTC/USD ด้วยการส่งคำสั่งซื้อที่ 9,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- คุณไม่อยากสูญเสียเงินเกิน 10% ดังนั้นคุณจึงตั้งคำสั่ง Stop Loss ที่ 8,100 ดอลลาร์สหรัฐ (9,000 ดอลลาร์สหรัฐ ลบด้วย 10%)
- หากราคา BTC/USD ลดลงเหลือ 8,100 ดอลลาร์สหรัฐ โบรกเกอร์ที่ดำเนินการออกจากสถานะให้คุณ
วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจว่าคุณจะไม่ขาดทุนเกินกว่าระดับที่ยอมรับได้
คำสั่ง Take Profit
การจัดการความเสี่ยงสำหรับ การเทรดคริปโตในไทยไม่ได้เป็นแค่การลดความสูญเสียเท่านั้น แต่คุณต้องมีแผนการที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถล็อกกำไรไว้ได้ ซึ่งทำได้โดยการตั้งคำสั่ง Take Profit คำสั่งนี้ใช้ได้ผลเหมือนกับคำสั่งหยุดการขาดทุน แต่หลักการทำงานจะตรงกันข้าม
ตัวอย่างเช่น
- คุณได้ส่งคำสั่งซื้อ BTC/USD ที่ 9,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- คุณต้องการทำกำไร 20% คิดเป็น 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ (20% ของ 9,000 ดอลลาร์สหรัฐ)
- ดังนั้นคุณต้องตั้งคำสั่ง Take Profit ไว้ที่ 10,800 ดอลลาร์สหรัฐ
- ถ้าราคา BTC/USD เพิ่มขึ้นถึง 10,800 ดอลลาร์สหรัฐ โบรกเกอร์จะปิดสถานะโดยอัตโนมัติ
คำสั่ง Stop Loss และคำสั่ง Take Profit ช่วยให้แน่ใจว่าการเทรดของคุณจะเป็นไปตามแผนการจัดการความเสี่ยงที่รัดกุม และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการปิดสถานะด้วยตนเอง เนื่องจากสถานะของคุณจะถูกปิดโดยอัตโนมัติเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขราคาที่กำหนด
วิธีการเทรดคริปโต
หลังจากเปิดสถานะแล้วก็ต้องรอว่าตลาดจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด คุณจึงจะรู้ได้ว่าสถานะที่เปิดไว้จะทำกำไรหรือขาดทุน
หากคุณยังไม่เคยใช้ Crypto Trading หรือเทรดคริปโตออนไลน์มาก่อน ดูตัวอย่างด้านล่างว่าจะทำกำไรได้อย่างไร
เปิดสถานะ Long สำหรับ BTC/USD
สมมติว่าคุณคาดการณ์ว่าราคา BTC/USD จะเพิ่มขึ้น
- ปัจจุบันราคา BTC/USD อยู่ที่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- คุณส่งคำสั่งซื้อ 300 ดอลลาร์สหรัฐ
- ต่อมาราคา BTC/USD ขยับเป็น 10,500 ดอลลาร์สหรัฐ
- ซึ่งเพิ่มขึ้น 5%
- คุณปิดสถานะโดยการส่งคำสั่งขาย
ดังนั้นเงินลงทุน 300 ดอลลาร์สหรัฐ บวกกับกำไร 5% แปลว่าคุณทำเงินได้ 15 ดอลลาร์สหรัฐ
เปิดสถานะ Short สำหรับ ETH/USD
สมมติว่าคุณคาดการณ์ว่าราคา ETH/USD จะลดลง
- ปัจจุบันราคา ETH/USD อยู่ที่ 350 ดอลลาร์สหรัฐ
- คุณส่งคำสั่งขาย 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- สัปดาห์ต่อมาราคา ETH/USD อยู่ที่ 250 ดอลลาร์สหรัฐ
- ราคาลดลง 28% ซึ่งเหมาะกับการทำชอร์ตคู่เงิน
- คุณจึงปิดสถานะโดยการส่งคำสั่งซื้อ
เงินลงทุน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ กำไร 28% ทำให้คุณได้เงิน 280 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้คุณต้องคำนึงถึงค่าธรรมเนียมการฝากเงินไว้เงินข้ามคืนด้วย เราจะกล่าวถึงรายละเอียดเรื่องนี้เพิ่มเติมภายหลัง เนื่องจากคุณได้เปิดสถานะไว้เป็นเวลาหลายวัน เว็บเทรดคริปโต ส่วนใหญ่จะเก็บดอกเบี้ยเล็กน้อยในแต่ละวันที่คุณเปิดสถานะไว้
สามารถเทรดสกุลเงินดิจิทัลใดได้บ้าง
ตลาดการเทรดคริปโต โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเทรด Bitcoin ของปริมาณการซื้อขาย BTC/USD ช่วง 24 ชั่วโมงก่อนเขียนบทความนี้ ปริมาณการเทรด Bitcoin ออนไลน์มีมูลค่าสูงกว่า 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
การหมุนเวียนสกุลเงินดิจิทัลมีเพียงไม่ถึง 7,000 สกุล สกุลเงินดิจิทัลบางตัวมีมูลค่าตลาดหลายพันล้านบาท แต่สกุลเงินดิจิทัลบางตัวก็ไร้ค่า
พิจารณาสกุลเงินดิจิทัลต่อไปนี้เพื่อเลือกเทรดคู่เงินที่ให้ประโยชน์จากระดับสภาพคล่องและมีปริมาณการซื้อขายเพียงพอ
- Bitcoin
- Ethereum
- Bitcoin Cash
- Ripple
- Dash
- Litecoin
- Ethereum Classic
- Binance Coin
- Cardano
- IOTA
- Stellar
- EOS
- NEO
- Tron
- ZCash
ดังที่ได้กล่าวไว้ว่าคู่สกุลเงินดิจิทัลส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับดอลลาร์สหรัฐ
ประโยชน์ของการเทรดสกุลเงินดิจิทัล
ในการเทรดออนไลน์มีทรัพย์สินมากมายให้เลือกเทรด ไม่ว่าจะเป็นการเทรดหุ้น การเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ ETFs หรือพันธบัตร ซึ่งนักลงทุนจะเลือกซื้อขายสินทรัพย์แต่ละประเภท
หากคุณยังไม่แน่ใจว่าการเทรดคริปโต ในไทยเหมาะกับคุณหรือไม่ ลองดูข้อดีด้านล่างนี้
การเทรดระยะสั้นหรือระยะยาว
คู่มือนี้อาจมุ่งเน้นเกี่ยวกับการเทรดคริปโต สำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเทรดระยะสั้น แต่การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเป็นสิ่งที่เหมาะกับนักลงทุนระยะยาวด้วยเช่นกัน นักลงทุนในไทยจำนวนมากสนใจซื้อสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ เช่น Bitcoin เพราะเชื่อว่ามูลค่าในอนาคตจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
หรือที่เรียกว่ากลยุทธ์ “ซื้อแล้วถือเป็นระยะเวลานาน (buy and hold)” ซึ่งเป็นการถือสกุลเงินดิจิทัลที่เลือกไว้เป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี การเทรดแบบนี้ต้องคำนึงถึงการใช้ตราสาร CFD และหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการข้ามคืนที่อาจเกิดขึ้น คุณจึงต้องเทรดกับโบรกเกอร์ที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น เช่น OKX เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชั่นแม้แต่บาทเดียว
เลเวอเรจ
Crypto Trading (การเทรดคริปโต) กับโบรกเกอร์ CFD จะสามารถใช้ “เลเวอเรจ” ในการเทรดได้ หมายความว่าคุณสามารถซื้อขายด้วยเงินมากกว่าที่คุณมีในบัญชี กฎระเบียบของ European Securities and Markets Authority (ESMA) กำหนดให้โบรกเกอร์สามารถใช้เลเวอเรจได้สูงสุด 1:2 สำหรับการเทรดสกุลเงินดิจิทัล
- นั่นแปลว่าการเทรดของคุณจะคูณด้วย 2
- เช่น หากคุณเปิดคำสั่งซื้อ 500 ปอนด์สำหรับ BTC/USD ปริมาณการเทรดจริงของคุณจะกลายเป็น 1,000 ปอนด์
อย่างไรก็ตาม หากอยู่ภายใต้การควบคุมของ FCA จะถูกห้ามไม่ให้นำเสนอ CFD ในสกุลเงินดิจิทัล
สถานะซื้อและสถานะขาย
เมื่อนักเทรดไทยคาดว่าราคาหุ้นของบริษัทจะเพิ่มขึ้นก็จะซื้อหุ้นจากโบรกเกอร์หุ้น แม้ว่าสิ่งนี้จะตอบสนองความต้องการของนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่อนุญาตให้ทำกำไรจากตลาดที่ตกต่ำ
แต่สิ่งนี้ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับการเทรดคริปโต ในไทยเนื่องจากคุณจะมีตัวเลือกในการเปิดสถานะ Long หรือ Short เสมอ
ซึ่งทำได้เมื่อคุณคาดการณ์ว่าราคาคู่สกุลเงินดิจิทัลจะลดลง ท้ายที่สุดแล้วคุณจะมีโอกาสทำกำไรไม่ว่าทิศทางตลาดจะเป็นอย่างไรก็ตาม
เทรดได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
การลงทุนแบบเดิม เช่น หลักทรัพย์และหุ้น จะมีการซื้อขายในช่วงเวลามาตรฐาน โดยทั่วไปอยู่ระหว่างเวลา 8.00 น. ถึง 17.00 น. ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ วันเวลาที่จำกัดนี้อาจทำให้คุณหงุดหงิดได้
ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าเย็นวันศุกร์ คุณต้องการถอนเงินออกจากการลงทุนในหุ้น ส่วนใหญ่แล้วคุณจะไม่สามารถทำได้จนกว่าตลาดจะเปิดในเช้าวันจันทร์ หรือหากคุณต้องการเทรดหุ้นวันเสาร์และอาทิตย์ คุณก็ทำไม่ได้เพราะว่าโบรกเกอร์ในไทยไม่อนุญาตให้ทำเช่นนี้
แต่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง นั่นแปลว่าคุณสามารถเปิดและปิดสถานะเมื่อไรก็ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ความเสี่ยงในการเทรดสกุลเงินดิจิทัล
แม้ว่าการเทรดสกุลเงินดิจิทัลออนไลน์จะมีประโยชน์มากมาย แต่คุณต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
ความผันผวนสูง
ระดับความผันผวนของการเทรดคริปโตในไทยอาจสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเทรดคู่เงินที่มีสภาพคล่องน้อย ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใดสำหรับสกุลเงินดิจิทัลที่ราคาจะเพิ่มขึ้นหรือลดมากกว่า 10% ภายในวันเดียว แต่สถานการณ์ปกติแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับการเทรดสินทรัพย์หลัก เช่น หุ้นหรือพันธบัตร
ดังนั้นคุณต้องตั้งคำสั่ง Stop Loss และ Take Profit ที่เหมาะสมในการเทรดทั้งหมด เพื่อช่วยให้มั่นใจว่าจะสามารถลดความสูญเสียและล็อกกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้โดยอัตโนมัติ
กระดานซื้อขายที่ไม่ได้รับการควบคุม
การเทรดคริปโต ส่วนใหญ่ในไทยเป็นการซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลที่ไม่มีการควบคุม โดยทั่วไปเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ไม่สัมพันธ์กับเงินแบบเดิม การฝากถอน กำไรและขาดทุนทั้งหมดจะเป็นสกุลเงินดิจิทัล
ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับนักเทรดที่ไม่ต้องการส่งเอกสารยืนยันตัวตน หรือต้องการใช้เลเวอเรจที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเทรดสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่มีหน่วยงานควบคุมหมายความว่าคุณกำลังเผชิญกับความเสี่ยงครั้งใหญ่ แนะนำให้เทรดกับโบรกเกอร์ CFD ที่มีใบอนุญาตและได้รับการควบคุม เพื่อให้มั่นใจว่าเงินของคุณจะได้รับการคุ้มครองตลอดเวลา
กลยุทธ์การเทรดคริปโต
เมื่อรู้แล้วว่าหลักการ การเทรดคริปโต ในไทยเป็นอย่างไร ต่อไปเราจะมาดูที่กลยุทธ์ต่างๆ นักเทรดที่เชี่ยวชาญมักปรับใช้กลยุทธ์มากมาย การใช้หลายวิธีเพื่อรับมือกับการซื้อและขายคู่สกุลเงินดิจิทัลจะทำให้คุณมีโอกาสทำกำไรได้ในระยะยาว
กลยุทธ์การเทรดคริปโต ที่นิยม ได้แก่
สวิงเทรด (Swing Trading)
สวิงเทรดเป็นกลยุทธ์การเทรดคริปโต ที่ยืดหยุ่น และเหมาะกับมือใหม่ แนวคิดคือการซื้อและขายคู่สกุลเงินดิจิทัลเมื่อมีแนวโน้มใหม่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นแนวโน้มระยะสั้นที่นานหลายวัน อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ไม่เหมือนกับการเดย์เทรด เนื่องจากสวิงเทรดจะเปิดสถานะไว้เป็นเวลาหลายสัปดาห์ได้โดยไม่มีปัญหา
กรณีนี้เกิดขึ้นได้เมื่อคู่สกุลเงินดิจิทัลอยู่ในเส้นทางขาขึ้นหรือขาลงเป็นเวลานาน เช่น หากตลาดเชื่อมั่นว่าคู่ ETH/USD เป็น “ขาขึ้น” นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์สวิงเทรดจะเปิดสถานะซื้อไว้ตราบใดที่แนวโน้มยังคงอยู่
เมื่อคิดว่าความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่อ ETH/USD ไม่เป็นบวกอีกต่อไป นักเทรดมีแนวโน้มที่จะปิดสถานะและส่งคำสั่งขาย ทำให้นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์สวิงเทรดมั่นใจได้ว่าจะสามารถหาจุดที่ตลาดปรับฐาน
ตลาดปรับฐาน (Market Correction)
ตลาดปรับฐานเกิดขึ้นกับตลาดซื้อขายทั้งหมด ตลาดปรับฐานเกิดขึ้นเมื่อแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงหยุดลงชั่วคราว เช่น สมมติว่าคู่ BTC/XRP แกว่งตัวขึ้นเป็นเวลานาน 3 สัปดาห์ ซึ่งในช่วงนี้ราคาเพิ่มขึ้นสูงถึง 40%
แต่เป็นไปไม่ได้ที่การแกว่งตัวขาขึ้นจะดำเนินต่อไปโดยไม่มีกำหนด เพราะนักลงทุนบางส่วนจะขายออกเพื่อทำกำไร เมื่อมีการขายออก ราคาของ BTC/XRP จะย่อตัวลงในทิศทางตรงกันข้าม หากมีปริมาณผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อก็จะส่งผลต่อราคาของสินทรัพย์โดยตรง
อย่างไรก็ตาม การปรับฐานไม่ได้แปลว่าแนวโน้มขาขึ้นของคู่ BTC/XRP สิ้นสุดลง แต่เป็นการหยุดชั่วคราวของแนวโน้ม นักเทรดสกุลเงินดิจิทัลที่ชาญฉลาดมักเปิดสถานะซื้อ BTC/XRP เมื่อตลาดปรับฐาน ทำให้ซื้อได้ราคาที่ถูกลงเพื่อทำไรจากแนวโน้มขาขึ้น
ตัวชี้วัด RSI
Relative Strength Index (RSI) เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่นักเทรดสกุลเงินดิจิทัลที่มีประสบการณ์ชอบใช้งาน ตัวชี้วัดนี้ช่วยให้เรารู้ว่าคู่สกุลเงินดิจิทัลอยู่ในโซน Overbought (ซื้อมากเกินไป) หรือ Oversold (ขายมากเกินไป)
แปลว่าสินทรัพย์อาจอยู่ในภาวะตลาด “หมี” แต่มีโอกาสที่จะปรับฐาน ทำให้มีโอกาสเทรดระยะสั้นโดยการหาจุดกลับตัวก่อนที่มันจะเกิดขึ้น
หาก RSI บ่งชี้ว่าคู่สกุลเงินดิจิทัลอยู่ในโซน Oversold อาจชี้ให้เห็นว่ามีผู้ซื้อจำนวนมากเข้ามาในตลาด เมื่อคาดว่าตลาดจะกลับตัว ทำให้คุณมีโอกาสเข้าและออกจากสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างรวดเร็ว
การเทรดคริปโต ฟรีในไทย
แพลตฟอร์มการเทรดคริปโต ในไทยทั้งหมดจะเก็บค่าธรรมเนียมบางอย่าง เนื่องจากโบรกเกอร์ส่วนให้บริการซื้อขายเพื่อเป็นช่องทางสร้างรายได้
ด้านล่างเป็นค่าธรรมเนียมการเทรดคริปโตที่สำคัญที่คุณต้องทราบ
คอมมิชชั่นการเทรด
ผู้ให้บริการการเทรดคริปโต บางแห่งจะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นสำหรับการซื้อขายสถานะ หมายความว่าคุณต้องจ่ายค่าธรรมเนียมตอนเข้าเทรด และจ่ายค่าธรรมเนียมอีกครั้งเมื่อปิดการเทรด
ปกติจะเรียกเก็บเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น หากโบรกเกอร์เก็บ 0.4% คุณต้องคูณเปอร์เซ็นต์นี้กับเงินลงทุนของคุณ รายชื่อโบรกเกอร์ในไทยส่วนใหญ่ที่แสดงไว้ในหน้านี้อนุญาตให้คุณเทรดสกุลเงินดิจิทัลได้โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่น
สเปรด
เมื่อเทรดสกุลเงินดิจิทัลออนไลน์ คุณควรเข้าใจเกี่ยวกับสเปรด สเปรดคือความแตกต่างระหว่างราคา “ซื้อ” และราคา “ขาย” ของสินทรัพย์ การคิดส่วนต่างของราคาเป็นเปอร์เซ็นต์จะช่วยให้คุณเข้าใจได้ง่าย เพราะคุณจะได้รู้ว่าต้องทำกำไรเท่าไรถึงจะคุ้มทุน
ตัวอย่างเช่น
- ราคา “ซื้อ” ของ BTC/USD คือ 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- ราคา “ขาย” ของUSD คือ 12,200 ดอลลาร์สหรัฐ
- ส่วนต่างนี้คิดเป็นสเปรด6%
พูดง่ายๆ ได้ว่าหากคุณต้องทำกำไรอย่างน้อย 1.6% จึงจะถึงจุดคุ้มทุน ส่วนที่นอกเหนือจากตัวเลขนี้คือกำไรที่คุณได้รับ
ค่าธรรมเนียมที่ไม่ใช่การเทรด
การเลือกแพลตฟอร์มการเทรดคริปโต ในไทยมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่ต้องคำนึงถึง ได้แก่
- ค่าธรรมเนียมข้ามคืน:หากคุณเทรด CFD ของสกุลเงินดิจิทัล คุณต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในแต่ละวันที่เปิดสถานะไว้ เช่น คำสั่งขายชอร์ต 500 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับ BTC/USD จะคิด23 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันในวันจันทร์ถึงศุกร์ และ 0.69 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันในวันเสาร์และอาทิตย์ หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมนี้ Quantum AI จะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมใดๆ
- การฝากเงินและถอนเงิน: โบรกเกอร์บางเจ้าจะเก็บค่าธรรมเนียมฝากเงินและ/หรือค่าธรรมเนียมถอนเงิน ซึ่งอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับช่องทางชำระเงินที่คุณเลือก
- การไม่ใช้งานบัญชี: แพลตฟอร์มส่วนใหญ่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือนเมื่อบัญชีของคุณไม่มีการใช้งาน ปกติจะคิดธรรมเนียมนี้เป็นรายเดือนจนกว่าบัญชีของคุณจะมีการซื้อขายหรือหักธรรมเนียมจนกว่ายอดเงินในบัญชีหมด แต่หากคุณเปิดสถานะ Long ไว้ก็ไม่ต้องกังวล เพราะสถานะบัญชีของคุณจะไม่ถูกพิจารณาว่าไม่ได้ใช้งาน
ซอฟต์แวร์เทรดคริปโต
ปัจจุบันนักลงทุนทุกรูปแบบกำลังใช้ซอฟต์แวร์ขั้นสูงในการเทรดสกุลเงินดิจิทัล อัลกอริทึมพื้นฐานถูกตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้าเพื่อให้ทำตามเงื่อนไขการเทรดที่เข้มงวด หมายความว่าการซื้อขายจะไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องหรือได้รับผลกระทบจากความล้มเหลว
ซอฟต์แวร์เทรดคริปโต จะสแกนตลาดตลอดเวลา จำนวนคู่ที่กำหนดเป้าหมายจึงทำได้ไม่จำกัด เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลและ/หรือการเทรด การใช้ซอฟต์แวร์มีประโยชน์หากคุณต้องการเทรดแบบเต็มเวลา แต่ไม่มีเวลามานั่งเฝ้าหน้าจอทั้งวัน
ในตลาดมีผู้ให้บริการซอฟต์แวร์เทรดคริปโต หลายเจ้า บางที่มีประวัติยาวนานและการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ แต่หลายๆ ที่ก็ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากระบุไว้อย่างชัดเจนว่าไม่สามารถสำรองข้อมูลที่ตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตาม หากคุณเลือกผู้ให้บริการเทรดคริปโต ที่ต้องการได้แล้วให้ดำเนินการดังนี้
- ก่อนอื่นคุณต้องซื้อซอฟต์แวร์เพื่อชำระค่าธรรมเนียมแบบครั้งเดียว
- หลังจากนั้นให้ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ลงบนอุปกรณ์เดสก์ท็อป
- แล้วเลือกโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ใช้ได้กับแพลตฟอร์มเทรดของบุคคลที่สาม MetaTrader 4 (MT4)
- คุณต้องดาวน์โหลดและติดตั้ง MT4 ลงบนอุปกรณ์เดสก์ท็อป
- แล้วเข้าสู่ MT4 ของโบรกเกอร์ด้วยข้อมูลข้อมูลประจำตัวของคุณ
- และสุดท้ายให้นำเข้าซอฟต์แวร์การเทรดคริปโต ที่ดาวน์โหลดไปยัง MT4
เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนข้างต้นทั้งหมดแล้ว คุณต้องทำเครื่องหมายในช่องบนแพลตฟอร์ม MT4 เพื่ออนุญาตให้ซอฟต์แวร์ทำการเทรดในนามของคุณ ซอฟต์แวร์จะเปิดสถานะซื้อและสถานะขายแทนคุณ โดยมีเป้าหมายในการสร้างกำไรอย่างสม่ำเสมอ
หมายเหตุ: ซอฟต์แวร์ Cryptocurrency Trading มักเรียกกันว่า “บอท Cryptocurrency Trading” คำสองคำนี้ใช้แทนกันได้ ซึ่งอ้างอิงถึงกระบวนการเทรดอัตโนมัติผ่าน MT4
สัญญาณการเทรดคริปโต
หากคุณไม่อยากให้โปรแกรมซอฟต์แวร์เทรดแทนคุณ คุณอาจพิจารณาอีกทางเลือกด้วยการใช้บริการสัญญาณ โบรกเกอร์จะสร้างอัลกอริธึมการเทรดคริปโต ขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมีศักยภาพในการสแกนตลาดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง แต่แทนที่จะส่งคำสั่งซื้อและขายแทนคุณ ผู้ให้บริการสัญญาณจะส่งการแจ้งเตือน พร้อมรายละเอียดสิ่งที่พบและแนวทางการดำเนินการ
รวมถึงสิ่งต่อไปนี้
- คู่สกุลเงินดิจิทัลที่สัญญาณเกี่ยวข้องด้วย (เช่น BTC/USD)
- คุณควรเปิดสถานะ Long หรือ Short สำหรับคู่เงิน (เช่น คำสั่งซื้อ)
- คุณควรตั้งราคาลิมิตออเดอร์ที่เท่าไร (เช่น 10.237 ดอลลาร์สหรัฐ)
- ราคาคำสั่ง Stop Loss ควรเป็นเท่าไร (เช่น 10,100 ดอลลาร์สหรัฐ)
- ราคาสั่ง Take Profit ควรเป็นเท่าไร (เช่น 10,400 ดอลลาร์สหรัฐ)
คุณจะมีข้อมูลทั้งหมดที่ต้องการเพื่อดำเนินการตามคำแนะนำสำหรับ Cryptocurrency Trading (การเทรดคริปโต) ในด้านผู้ให้บริการ Learn 2 Trade เป็นผู้ให้บริการที่ได้รับความนิยมจากนักเทรดไทย แพลตฟอร์มนี้มีชื่อเสียงมากเกี่ยวกับการให้สัญญาณและมีประสิทธิภาพเหนือกว่าที่อื่นทั้งในตลาดฟอเร็กซ์และสกุลเงินดิจิตอล
Learn 2 Trade นำเสนอแผนพรีเมียมในราคาเพียง 14 ปอนด์ต่อเดือน ซึ่งมาพร้อมสัญญาณเทรด 3-5 สัญญาณต่อวัน (จันทร์ถึงวันศุกร์)
หากไม่พอใจบริการ คุณมีเวลาเปลี่ยนใจ 30 วัน เนื่องจากผู้ให้บริการนี้รับประกันคืนเงิน หรือคุณอาจเริ่มต้นด้วยแผนฟรีที่ให้ 3 สัญญาณต่อสัปดาห์ คุณสามารถใช้แผนบริการฟรีได้เท่าที่ต้องการ โดยไม่ต้องระบุข้อมูลการชำระเงินใดๆ
5 เคล็ดลับเทรดสกุลเงินดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ
หากคุณอ่านคู่มือการเทรดคริปโตในไทยจนถึงจุดนี้ คุณจะรู้ว่าการเทรดสกุลเงินดิจิทัลไม่ใช่แค่การเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์และทำกำไรอย่างต่อเนื่อง แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณต้องเรียนรู้เพื่อให้มีโอกาสประสบความสำเร็จจากการเทรดเงินคริปโต
เพียงแค่อ่าน 5 เคล็ดลับการเทรดคริปโต ที่มีประโยชน์ด้านล่าง
เคล็ดลับที่ 1: ใช้โบรกเกอร์ที่มีหน่วยงานควบคุมที่เทรดได้โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่น
ในโลกออนไลน์มีโบรกเกอร์และผู้ให้บริการนับร้อยที่คุณสามารถเทรดสกุลเงินดิจิทัล ถึงแม้จะมีข้อควรพิจารณาอื่นๆ อีกหลายอย่าง แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกแพลตฟอร์มที่ได้รับการควบคุม เพื่อให้แน่ใจว่าเงินของคุณจะได้รับการปกป้องอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงเรื่องค่าธรรมเนียมการเทรดคริปโต เพื่อให้คุณถูกเก็บค่าธรรมเนียมน้อยที่สุด แนะนำให้ใช้แพลตฟอร์มที่สามารถเทรดสกุลเงินดิจิทัลได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น เช่นโบรกเกอร์ OKX AvaTrade แต่ละเจ้ามีหน่วยงานควบคุมอย่างเข้มงวด
เคล็ดลับที่ 2: เรียนรู้คอร์สสอนเทรดการเทรดคริปโต
ก่อนที่จะเริ่มต้นเทรดสกุลเงินดิจิทัล คุณต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเทรดคริปโต ไม่ใช่แค่รายละเอียดของสกุลเงินดิจิทัลเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงหลักการเทรดด้วย ยกตัวอย่างเช่น คุณต้องเรียนรู้วิธีใช้คำสั่ง Market Order และกลยุทธ์การเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังต้องเรียนรู้วิธีการรวบรวมข้อมูลและการใช้เครื่องมือจัดการความเสี่ยง เพื่อจำกัดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งมีคอร์สสอนเทรดออนไลน์เกี่ยวกับการเทรดคริปโต มากมายที่นำมาปรับใช้ได้อย่างสะดวก บางคอร์สอนุญาตให้คุณสามารถเข้าเรียนได้ตามต้องการ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งหากคุณมีเวลาจำกัด
เคล็ดลับที่ 3: เรียนรู้วิธีการอ่านกราฟ
ประโยชน์หลักอย่างหนึ่งของการใช้กลยุทธ์ซื้อแล้วถือเป็นระยะเวลานานคือไม่ต้องกังวลกับแนวโน้มราคาระยะสั้น เพียงแค่ซื้อสกุลเงินดิจิทัลที่ต้องการแล้วเก็บเหรียญไว้เป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการเทรดสกุลเงินดิจิทัลอย่างแท้จริง คุณจะต้องให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวระยะสั้น
นักเทรดสกุลเงินดิจิทัลส่วนใหญ่มักเปิดสถานะไว้ไม่เกินหนึ่งวัน แม้แต่นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์สวิงเทรดก็มีระยะเวลาเฉลี่ยของสถานะไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นคุณจึงต้องเรียนรู้ วิธีเทรดคริปโต วิธีอ่านกราฟ และวิเคราะห์กราฟให้เข้าใจ ในการอ่านกราฟคุณต้องหาแนวโน้มที่เป็นไปได้ที่กำลังเกิดขึ้น
เคล็ดลับที่ 4: ฝึกฝนการเทรดคริปโต
แพลตฟอร์มการเทรดคริปโต ในไทยส่วนใหญ่จะให้คุณเทรดด้วย “เงินกระดาษ” ผ่านบัญชีทดลอง ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนเงื่อนไขการเทรดจริงในแง่การเคลื่อนไหวของราคา ปริมาณ และแนวโน้ม แต่ความแตกต่างที่สำคัญคือเป็นการเทรดในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความเสี่ยง
หมายความว่าคุณสามารถรับมือกับคำสั่งซื้อขาย ณ ราคาตลาด และกลยุทธ์การเทรดได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินตัวเอง คุณควรหลีกเลี่ยงการเทรดด้วยเงินจริงจนกว่าคุณจะฝึกเทรดเพื่อทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
เคล็ดลับที่ 5: คัดลอกการเทรด
นักเทรดไทยจำนวนมากไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับการคัดลอกการเทรด โบรกเกอร์ OKX ที่ได้รับการควบคุมโดย FCA มีบริการนี้ ทำให้สามารถเลือกนักเทรดที่มีผลงานดี เชี่ยวชาญการเทรด และมีประวัติการซื้อขายยาวนาน (ตรวจสอบได้)
เกณฑ์การค้นหานักเทรดอาจอ้างอิงจากผลตอบแทนรายเดือน ระดับความเสี่ยง คู่สกุลเงินดิจิทัลที่เทรด และระยะเวลาเทรดเฉลี่ย
เมื่อพบนักเทรดสกุลเงินดิจิทัลที่ชื่นชอบแล้ว คุณสามารถคัดลอกการเทรดแบบเดียวกันได้
- เช่น สมมติว่านักเทรดใช้เงินในบัญชี 10% เพื่อซื้อ Bitcoin
- หากคุณลงทุน 200 ดอลลาร์สหรัฐกับนักเทรด เงิน 20 ดอลลาร์สหรัฐในพอร์ตของคุณจะถูกจัดสรรไปยังสกุลเงินดิจิทัล
- หากนักเทรดขาย Bitcoin ที่ซื้อไว้ พอร์ตของคุณจะดำเนินการสิ่งเดียวกัน
อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้ Quantum AI ที่นี่คุณจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลที่จะซื้อและขาย แพลตฟอร์มจะบอกคุณเมื่อจะทำการเทรด นี่เป็นโอกาสการเรียนรู้ที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์มากนัก รวมทั้งผู้ที่ไม่ต้องการใช้เวลาทำการรวบรวมข้อมูลมากนัก
คู่มือการเทรดคริปโต มือใหม่ ปี 2024 [ฉบับเข้าใจง่าย!]
ดังที่ได้กล่าวไว้ว่าในตลาดมีแพลตฟอร์มการเทรดคริปโต ในไทยหลายร้อยแห่ง ดังนั้นอาจเป็นเรื่องยากที่จะหาว่าโบรกเกอร์เจ้าไหนเหมาะกับความต้องการของคุณ สิ่งที่คุณต้องพิจารณาคือหน่วยงานกำกับดูแล ค่าคอมมิชชัน สเปรด วิธีการชำระเงิน และอีกมากมาย
เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ด้านล่างนี้เป็นรายชื่อแพลตฟอร์มการเทรดคริปโตที่ดีที่สุดของปี 2024
OKX – แอปเทรดคริปโตสำหรับมือใหม่ ที่เพิ่มจะเริ่มเข้าใจก็เทรดได้อย่างไม่ยาก
OKX มีเมนูการใช้งานที่ชื่อว่า อคาเดมี ตรงนี้เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลให้กับสมาชิกใหม่และเก่า และยังมีการอัปเคตอยู่เสมอเพื่อแสดงถึงความเอาใจใส่ของทีมงานได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามความนิยมของ OKX ไม่ได้มีแค่บริการเทรดเท่านั้น คุณยังสามารถขุดสินทรัพย์ดิจิทัล และสร้าง NFT เพื่อจำหน่ายได้อีกด้วย
สมาชิกสามารถใช้งาน OKX ผ่านทั้งเบราว์เซอร์มือถือหรือแอปพลิเคชั่นที่รองรับทุกระบบ ทำให้สามารถเข้าถึงตลาดซื้อขายได้ทุกที่ทุกเวลา
OKX มีระบบที่เรียกว่าพันธมิตรที่สามารถรับค่าคอมมิชชั่นสูงสุด 50% ของยอดเงินฝากสมาชิกแนะนำ และไม่เพียงเท่านั้นยังมีโอกาสได้รับถุงเงินแบบสุ่มสูงสุดถึง 10,000 ดอลลาร์เลยทีเดียว
คุณสามารถทำการเทรดสปอต ฟิวเจอร์ ออปชัน มาร์จิน และตราสารอนุพันธ์ได้หลายร้อยรายการเลยทีเดียว ซึ่งผู้ที่ไม่มีสินทรัพย์ในการครอบครองก็สามารถทำการซื้อโดยคิดราคาจากโปรแกรมคำนวณแปลงเงินไทยที่ข้างล่างเว็บไซต์
สมาชิกที่ต้องการสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลเพิ่มเติมหรือแจ้งปัญหาการใช้งานสามารถแจ้งกับทางแอดมินผ่านไลฟ์แชทหน้าเว็บตลอด 24 ขั่วโมง แต่ถ้าหากต้องการสื่อสารกับคนไทยโดยเฉพาะจะต้องเลือกภาษาไทยภายในเวลา 09.00 น. – 18.00 น. ในทุก ๆ วัน
ค่าธรรมเนียม | จำนวน |
ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้น | เริ่มต้น 0.100% |
ค่าธรรมเนียมการซื้อขายฟอเร็กซ์ | ไม่มีบริการ |
ค่าธรรมเนียมการซื้อขายคริปโต | เริ่มต้น 0.070% |
ค่าธรรมเนียมเมื่อไม่ได้ใช้งาน | ไม่มี |
ค่าธรรมเนียมการถอน | ขึ้นอยู่กับบล็อกเชนที่ใช้บริการ |
ข้อดี:
- บริการขุดเจาะเหมืองสำหรับเทรดเดอร์นักขุดโดยโมเดล PPLNS
- เปิดให้เข้าใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด
- สามารถเข้าร่วมกิจกรรมชุมชน และปรับแต่งอขงรางวัลด้วยตนเองได้
- สอนสร้าง NFT ตั้งแต่ตัวแรก ไปจนถึงการเทรดระดับมืออาชีพ
- มีระบบทดลองเทรด
ข้อด้อย:
- ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากถอนเงินที่แนนอน ขึ้นอยู่กับมูลค่าของธุกรรมที่ทำและบล็อกเชนที่ใช้บริการ
สินทรัพย์ดิจิตอลมีความผันผวนสูง และยังไม่ได้รับการกำกับดูแล
2. Crypto.com – แพลตฟอร์มสำหรับ staking คริปโตเคอเรนซี่ตัวท็อปที่ถอนเงินได้ง่าย
ด้วยลูกค้าหลายล้านราย ทำให้ Crypto.com เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ทาง Crypto.com รองรับหลากหลายคริปโตเคอเรนซี่ สามารถเข้าถึง NFT ทำเงินได้มากถึง 14.5% ต่อปี ผลตอบแทนจากการถือคริปโตของคุณมีบริการซื้อขายที่เรียบง่าย ไม่ยุ่งยากและต้นทุนต่ำสำหรับโทเค็นมากกว่า 250 รายการและยังเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี่เป็นหลัก
Crypto.com ให้บริการสินเชื่อสินทรัพย์ดิจิทัล บัตรเครดิต crypto บัตรเดบิต และตลาด NFT ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Crypto Earn หลังจากที่คุณฝากโทเค็นดิจิทัลที่คุณเลือกแล้ว Crypto.com จะจัดสรรเงินเพื่อกู้ยืมเงินทุนไปยังบัญชีของคุณ นอกจากนี้ คุณจะได้รับดอกเบี้ยรายวันจากผู้กู้ปลายทางเมื่อผู้กู้ปลายทางชำระเงินคืน
มีสามปัจจัยกำหนดอัตราผลตอบแทน อย่างแรกเลยก็คือ อัตรา APY จะแตกต่างกันไปตามโทเค็น ตัวอย่างเช่น Stablecoin หรือ คริปโตเคอเรนซี่ที่มีมูลค่าคงที่ อย่างเช่น USDC หรือ TrueGBP ให้ผลตอบแทน 12% ต่อปี ในขณะที่ Bitcoin และ Ethereum ให้ผลตอบแทน 6.5% ปัจจัยที่สองที่ส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนที่คุณจะได้รับคือการที่คุณล็อคโทเค็นของคุณไว้เป็นเวลาหนึ่งเดือนหรือสามเดือน หรือการ staking
สุดท้ายนี้ สินทรัพย์ดิจิทัลหลักของทาง Crypto.com - คือโทเค็น CRO - จะทำให้คุณได้รับ APY หรืออัตราผลตอบแทนแบบทบต้นทบดอกที่สูงขึ้น คุณต้องจำไว้ว่า Crypto.com ทำการปล่อยเงินกู้ ดังนั้นโทเค็นนี้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ ไม่ว่าคุณจะเลือกโทเค็นใดก็ตามในการ staking บัตรเครดิตสามารถซื้อโทเค็นดิจิทัลต่างๆ ผ่าน Crypto.com ได้ในราคาที่ชาร์จเพียง 2.99% ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักเทรดที่มีความแอคทีฟ
รางวัลจากการ staking เหรียญคริปโตเคอเรนซี่ | มากถึง 14% สำหรับเหรียญ stablecoins (USDC, USDT, DAI เป็นต้น)
มากถึง 14.5% สำหรับเหรียญที่ไม่ใช่ stablecoins (BTC, CRO, ETH, LTC เป็นต้น) |
จำนวนเงินในการ stake ขั้นต่ำและสูงสุด | ขั้นต่ำ - แตกต่างกันไปตามเหรียญ (เช่น 0.005 BTC, 0.15 ETH)
สูงสุด - $500,000 (เทียบเท่า USD) |
ระยะเวลาล็อคเหรียญไว้ในระบบ | ระยะเวลาที่กำหนดได้เอง - 3 เดือน 1 เดือนหรืออื่นๆ |
ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและกฎระเบียบ | การประเมิน NIST Cybersecurity Tier 4
ทดสอบความปลอดภัยโดย Kudelski Security |
ผลตอบแทนอื่นๆเพิ่มเติม | APR เพิ่มขึ้นเมื่อ CRO ที่ stake เพิ่มขึ้น |
ความถี่ในการจ่ายเงิน | ทุปสัปดาห์ |
ข้อดี:
- ค่าธรรมเนียมต่ำ
- การชำระเงินด้วย Cryptocurrency นั้นง่าย
- การแปลงเงินเป็นเรื่องง่าย
- บัตรวีซ่าให้รางวัลคืนเงิน
- รับดอกเบี้ยเป็นคริปโตเคอเรนซี่
- สกุลเงินดิจิทัลให้เลือกหลากหลาย
- ความปลอดภัยสูง
ข้อด้อย:
- ระบบนำทางในเว็บซับซ้อน
- อุปทานเหรียญจำกัด
- ระบบช่วยเหลือลูกค้าไม่เพียงพอ
- แหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษามีจำกัด
สินทรัพย์ดิจิตอลมีความผันผวนสูง และยังไม่ได้รับการกำกับดูแล
3. Libertex - ลงทุนเทรดคริปโต สเปรดเป็นศูนย์
Libertex คือโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงาน CySEC ที่นักเทรดสามารถซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลมากมายได้โดยไม่มีสเปรด! สเปรดคือความแตกต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย ซึ่งเป็นสิ่งที่โบรกเกอร์ใช้เป็นส่วนหนึ่งของค่าธรรมเนียม
Libertex ช่วยให้คุณเทรดคริปโตได้มากมาย เช่น Bitcoin, Ethereum, Bitcoin Gold, Bitcoin Cash, Monero/Bitcoin, Zcash/Bitcoin และอื่นๆ เทรดได้ทุกอย่างโดยไม่มีสเปรด!
การซื้อขายมีค่าคอมมิชชั่นเพียงเล็กน้อย พร้อมข้อเสนอส่วนลด 50% สำหรับนักเทรด
การเปิดบัญชีกับ Libertex ทำได้ง่ายมาก และใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น การเปิดบัญชีกำหนดเงินฝากขั้นต่ำแค่ 100 ยูโร
เนื่องจากโบรกเกอร์ให้บริการเทรดสกุลเงินดิจิทัลผ่าน CFD คุณจึงสามารถเปิดสถานะ Long และ Short เพื่อกำไรจากตลาดที่เพิ่มขึ้นและลดลง รวมถึงการใช้เลเวอเรจ
ข้อดี:
- CFD ของสกุลเงินดิจิทัลจำนวนมาก
- เทรด CFD ด้วยสเปรด 0 และค่าคอมมิชชั่นต่ำ
- ได้รับการควบคุมโดย CySEC
- เทรด CFD ของเงินคริปโตเพื่อเปิดสถานะ Long และ Short
- เปิดบัญชีได้ง่าย
- มีแหล่งเนื้อหาเพื่อการศึกษา
ข้อด้อย:
- เทรดได้แค่ CFD เท่านั้น
70.8% ของบัญชีนักเทรดรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อทำการเทรด CFDs กับทางแพลตฟอร์มนี้
4. Binance - เว็บเทรดเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุด
ปัจจุบัน Binance คือแพลตฟอร์มเทรดสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีคุณสมบัติมากมาย ค่าธรรมเนียมการซื้อขายเพียง 0.10% แต่เฉพาะกรณีที่คุณฝากเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลอื่นเท่านั้น
แพลตฟอร์มนี้นำเสนอการซื้อขายคู่สกุลเงินดิจิทัลนับร้อย มีเหรียญต่างๆให้เลือกมากมาย ค่าธรรมเนียมโปร่งใส นอกจากนี้นักเทรดเงินคริปโตยังสามารถซื้อขายใน Spot Market (ตลาดสปอต) และ Futures Market (ตลาดฟิวเจอร์ส)
การฝากเงินทำได้หลายช่องทาง เช่น สกุลเงินทั่วไป (Fiat Currency) การฝากเงินผ่านธนาคาร บัตรเครดิต/บัตรเดบิต การเทรดแบบ P2P หรือระบบการชำระเงินของบุคคลที่สาม
Binance Exchange ยังมีส่วนการรวบรวมข้อมูลและการเรียนรู้ รวมถึงคุณสมบัติอื่นๆ สำหรับการสร้างเทคโนโลยีบล็อกเชน เช่น Binance Labs ซึ่งเป็นศูนย์โครงการบล็อกเชนชั้นนำ
ข้อดี:
- ศูนย์ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- ค่าคอมมิชชั่นการเทรดต่ำเพียง 0.10%
- ซื้อสกุลเงินดิจิทัลจริง รวมถึงอนุพันธ์ เช่น ออปชั่นพื้นฐาน (Vanilla Option)
- ไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากเงินผ่าน Faster Payments
- ค่าธรรมเนียมต่ำสำหรับการฝากเงินผ่านบัตรเดบิต/บัตรเครดิตไทย
- เข้าถึงศูนย์การรวบรวมข้อมูลและการเรียนรู้
- ฝ่ายช่วยเหลือยอดเยี่ยม
ข้อด้อย:
- แพลตฟอร์มเทรดแบบคลาสสิกที่อาจยากสำหรับมือใหม่
เงินของคุณกำลังมีความเสี่ยง
5. Quantum AI - แพลตฟอร์มการซื้อขาย Cryptocurrency โดยรวมที่ดีที่สุด
Quantum AI เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม Cryptocurrency ที่ดีที่สุด คุณสามารถซื้อขายได้จากหลายร้อยคู่ให้เลือก สิ่งที่ทำให้ Quantum AI มีความพิเศษเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่นๆ คือมันใช้ปัญญาประดิษฐ์ ซอฟต์แวร์จัดการวิเคราะห์ราคาหลายพันราคาต่อวินาที และให้คำแนะนำเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนที่ดีแก่คุณ
เหนือสิ่งอื่นใด การเทรดทั้งหมดของคุณ ไม่ว่าจะเป็นคริปโตหรือสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ฟอเร็กซ์ ฯลฯ จะทำได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นใดๆ แพลตฟอร์มนี้ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมใดๆ สำหรับการทำธุรกรรม ซึ่งทำให้ใช้งานได้ฟรี 100%
เครื่องมือทางการเงินทั้งหมด รวมถึงสกุลเงินดิจิตอลเข้ารหัส มีการซื้อขายเป็น CFD ดังนั้น แพลตฟอร์มนี้จึงเหมาะกับเทรดเดอร์ที่กระตือรือร้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่มีเวลามากเกินไปในการรวบรวมข้อมูลทั้งหมด เนื่องจากคุณได้รับคำแนะนำและสัญญาณ แพลตฟอร์มนี้จึงเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
หากคุณต้องการเปิดบัญชีซื้อขาย Quantum AI คุณต้องทำการฝากเงินครั้งแรกเมื่อคุณลงทะเบียน คุณสามารถเลือกระหว่างการโอนเงินผ่านธนาคารและบัตรเครดิต/เดบิตเป็นวิธีการชำระเงิน และจำนวนเงินขั้นต่ำคือ 220 ยูโร
แพลตฟอร์ม Quantum AI นั้นไม่ใช่นายหน้า แต่ทำงานเป็นซอฟต์แวร์ที่มีโบรกเกอร์คริปโตที่เป็นพันธมิตรกว่า 15 แห่งที่ได้รับการควบคุม ซึ่งหมายความว่าข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของคุณ รวมทั้งเงินทุน จะปลอดภัยและได้รับการคุ้มครองโดยการเข้ารหัส
ค่าธรรมเนียม Quantum AI:
คอมมิชชั่น | 0 % |
ค่าธรรมเนียมการฝาก | ฟรี |
ค่าธรรมเนียมการถอน | ฟรี |
ค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน | ฟรี |
ข้อดี:
- ไม่มีค่าธรรมเนียม
- แอปพร้อมใช้งานบนสมาร์ทโฟน
- cryptocurrencies ที่หลากหลายรวมถึง cryptocurrencies ขนาดใหญ่เช่น Bitcoin และ Ethereum
- ขั้นตอนการลงทะเบียนใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
- รับคำแนะนำเกี่ยวกับ cryptos ที่จะซื้อ
- เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ซื้อขายที่มีประสบการณ์
ข้อด้อย:
- เฉพาะ CFDs
71% ของนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินจากการซื้อขาย CFD ที่ไซต์นี้
คู่มือการเทรดคริปโต - วิธีเริ่มต้นเทรดคริปโตในไทย
เนื้อหาในส่วนนี้ของคู่มือการเทรดคริปโต จะแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการเปิดบัญชี การเทรดคริปโตในไทย การฝากเงิน และการเทรด
คำอธิบายจะอ้างอิงจากแพลตฟอร์มของ OKX เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่คุณสามารถลงทุนและเทรดสกุลเงินดิจิทัลได้โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่น นอกจากนี้ยังใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการตั้งค่าเป็นบัตรเดบิต/บัตรเครดิต และฝากผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที
ขั้นตอนที่ 1: เปิดบัญชีและอัปโหลด ID
ไปที่เว็บไซต์ ไม่ว่าจะทางออนไลน์หรือทางมือถือ แล้วคลิกที่ปุ่ม ‘สร้างบัญชี’
คุณจะถูกขอให้ป้อนข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียดการติดต่อ และหมายเลขประกันของประเทศ คุณต้องสร้างชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านด้วย สุดท้าย ให้ยืนยันหมายเลขโทรศัพท์มือถือของคุณ
ขั้นตอนที่ 2: การฝากเงิน
แม้ว่า OKX จะอนุญาตให้คุณซื้อสินทรัพย์ในประเทศไทย ได้อย่างน้อย 10 ดอลลาร์ แต่คุณจะต้องฝากเงินอย่างน้อย 50 ดอลลาร์ คุณสามารถทำได้ทันทีด้วยบัตรเดบิต/เครดิตประจำวันของคุณ
นอกจากนี้ยังรองรับ E-wallets ซึ่งรวมถึง Paypal, Skrill และ Neteller คุณสามารถโอนเงินจากบัญชีธนาคารในประเทศไทย ได้หากต้องการ แต่เตรียมใจไว้เลยว่าจะต้องรอเป็นเวลาหลายวันกว่าเงินจะมาถึง
ขั้นตอนที่ 3 : เริ่มซื้อขาย!
สำหรับการซื้อขาย บัญชีของคุณพร้อมแล้ว และคุณสามารถเริ่มการซื้อขาย OKX ของคุณได้ การซื้อขายทั้งหมด OKX รองรับคริปโตเคอเรนซี่ ที่หลากหลายรวมถึง คริปโตเคอเรนซี่ เหรียญใหญ่ๆ อย่างเช่น Bitcoin, Ethereum และ Litecoin และเหรียญอื่นๆอีกมากมายสามารถทำได้โดยตรงบนแอพมือถือ OKX หรือแพลตฟอร์มออนไลน์บนเดสก์ท็อป
สรุป
ตลาดการเทรดคริปโต ในไทยกลายเป็นแหล่งลงทุนที่มีมูลค่าหลายพันล้านบาท คุณสามารถเทรดคู่สกุลเงินดิจิทัลจำนวนมากอย่างสะดวกสบายได้จากที่บ้าน และมีเลเวอเรจสูงสุด 1:2 ให้ใช้สำหรับนักเทรด รายชื่อโบรกเกอร์ในไทยทั้งหมดที่แสดงไว้ในหน้านี้อนุญาตให้คุณเทรดสกุลเงินดิจิทัลได้โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่น และมีสเปรดที่ดีกว่าโบรกเกอร์เจ้าอื่น ก่อนที่จะเริ่มต้นเทรดสกุลเงินดิจิทัล คุณต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเทรดคริปโต
หากคุณพร้อมเริ่มต้นเทรดด้วยบัญชีการเทรดคริปโต แนะนำให้ใช้ OKX ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับการควบคุมโดย FCA ช่วยให้คุณเทรดสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ รวมถึงคู่คริปโตกับสกุลเงินทั่วไปและคริปโตครอส ไม่มีการเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น นักเทรดจะได้รับการป้องกันตามกฎข้อบังคับของหน่วยงาน FCA